26 กรกฎาคม 2565 นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์ ICT รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานอนุกมธ.คุรุภัณฑ์ฯ ได้มีการพิจารณางบประมาณ ปี 2566 ของกระทรวงกลาโหม วานนี้(25 ก.ค.) ว่า ได้พิจารณางบประมาณของ 3 เหล่าทัพ ได้แก่ กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณางบประมาณของกองทัพอากาศ ที่มีการขอซื้อเครื่องบินรบทางยุทธศาสตร์รุ่นใหม่ล่าสุด รุ่น F-35A จำนวน 2 ลำ รวมมูลค่า 7,400 ล้านบาท โดยที่ประชุมมีมติตัดงบประมาณในการจัดซื้อเครื่องบินรบ F-35A ออกจากรายการงบประมาณ ปี 2566
เนื่องจากกองทัพอากาศยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนว่า สภาคองเกรสของสหรัฐฯจะขายให้กับประเทศไทยหรือไม่ และขั้นตอนในการหารือและดำเนินการจัดซื้อเครื่องบิบรบลำดังกล่าว ต้องใช้เวลานานถึง 20 เดือน คณะอนุกรรมาธิการ ครุภัณฑ์ฯ จึงมองว่า อย่าเพิ่งนำงบประมาณ ปี 2566 ไปใช้ในส่วนนี้ ควรนำงบฯในส่วนนี้ เอาไปช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก่อน เพราะการจัดซื้อเครื่องบินรบไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนในขณะนี้
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ชี้แจงต่อ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566(อ่านรายละเอียดที่นี่) ว่า การจัดซื้อเครื่องบิน F-35 ของกองทัพอากาศนั้น ยืนยันว่าในของเดิมกองทัพอากาศได้ตั้งงบประมาณในการจัดหาเครื่องบินทดแทนโดยการตั้งงบในปี 2561 แต่ยังไม่ได้ระบุว่าจะเป็นเครื่องบินของประเทศไทย แต่หลังจากนั้น กองทัพอากาศ ได้มีการพัฒนาแผนการจัดหาที่มีความชัดเจน โดยการเสนอซื้อเครื่องบินจะต้องมีงบประมาณรองรับเพื่อเป็นหลักประกัน
ส่วนกระบวนการจัดซื้อที่จะต้องผ่านสภาคองเกรสของสหรัฐฯนั้น เป็นเรื่องของสหรัฐฯที่ต้องดำเนินการ ในส่วนของเราแค่ขอสนับสนุน และแจ้งความประสงค์ไปว่าต้องการเครื่องบินที่ทันสมัย ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับสหรัฐฯในการดำเนินการเร่งรัดให้อย่างไร และทางกองทัพมีแผนรองรับอยู่แล้ว หากการดำเนินการล้าช้า หรือไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้