คำว่า "ผ่าน" ในที่นี้ หมายถึง รัฐบาลไปต่อ แม้รัฐมนตรีบางคนจะร่อแร่ จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2565
เพราะชัดเจนว่าถ้านายกฯ ผ่านการลงมติไปได้ รัฐบาลก็ไม่ล้ม ถ้ารัฐมนตรีคนไหนโดนคว่ำ ตามคำขู่ของพรรคเล็ก + เศรษฐกิจไทย + กลุ่มกบฏในพรรคต้นสังกัดของตัวเอง ก็ช่วยไม่ได้ ต้องรับผิดชอบตัวเอง นายกฯก็คงจะปรับ ครม.ไป นี่มองผลโหวตแบบเลวร้ายที่สุด รัฐบาลยังจะไปต่อ
แต่ถ้า 10 รัฐมนตรีสอบผ่านหมด แล้วมีบางคนอาการร่อแร่ เช่น ได้คะแนนไว้วางใจน้อย กว่ารัฐมนตรีคนอื่นมาก เช่น เป็นสิบคะแนน หรือโดนงดออกเสียงเยอะมาก หลายสิบเสียง แบบนี้รัฐมนตรีก็จะถูกกดดันให้พิจารณาตัวเองด้วยการลาออก และจะนำไปสู่การปรับ ครม.
ถึงนาทีนี้ "เซียนการเมือง" เริ่มคาดการณ์ตรงกันแล้วว่า จะมีการปรับ ครม. หลังศึกอภิปรายค่อนข้างแน่นอน ด้วยเหตุผลดังนี้
1.รัฐมนตรีบางคนน่าจะไปต่อไม่ไหว ด้วยคะแนนเสียงไว้วางใจที่ต่ำเตี้ย ตามที่บอก
2.เป็นการปรับ ครม.รอบสุดท้ายก่อนรัฐบาลหมดวาระ แต่ระยะเวลาที่ยังเหลือก็มีนัยสำคัญ คือ 8 เดือนนับถึงหมดวาระ และ 10 เดือนนับถึงเลือกตั้ง คือ ช่วงรักษาการ หรือนานกว่านั้นหากนับถึงมี ครม.ชุดใหม่ เข้ามารับไม้ต่อ
3.มีตำแหน่งว่างให้ปรับ
-รัฐมนตรีช่วย 2 ตำแหน่ง ว่างมาตั้งแต่เดือน ก.ย.ปีที่แล้ว หลังปลด (ผู้กองธรรมนัส + อ.แหม่ม นฤมล)
-มีรัฐมนตรีบางคนอาจถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เช่น ครูพี่โอ๊ะ กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ + นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย จากประชาธิปัตย์ ที่จะมีคดีขึ้นศาลคดีทุจริตฯ (แต่ศาลอาจไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ก็ได้)
3.อาศัยการปรับ ครม.เพื่อกระชับอำนาจต่อไป
-ซื้อใจกลุ่มก๊วนต่างๆ โดยเฉพาะในพลังประชารัฐ เช่น กลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ 14 คน ซึ่งไม่มีแม้แต่เก้าอี้เดียว หรือ กลุ่ม ส.ส.กรุงเทพ หลังหมดยุค "ตั้น-บี" ซึ่งภาค กทม.ของพลังประชารัฐ ก็ได้ ส.ส.มาเป็นกอบเป็นกำ แต่ระยะหลังคะแนนนิยมตกต่ำตามรัฐบาล จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะพ่ายเลือกตั้ง
ฉะนั้นการปรับให้มีตำแหน่ง ก็เพื่อสร้างผลงาน ส่งผลถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า และสกัดไม่ให้ออกไปอยู่พรรคอื่น ในช่วงปล่อยผี 6 เดือนสุดท้ายด้วย
ขณะเดียวกันก็มีข่าว "กล่องดวงใจบิ๊กป้อม" ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ซึ่งหลังๆ เริ่มกลับมามีบทบาท สร้างผลงานในพรรค และพาตัวเข้าหาสปอตไลต์มากขึ้น มีการโพสต์เฟซบุ๊กประเด็นเศรษฐกิจ และช่วย "บิ๊กป้อม" จัดการปัญหาต่างๆ ภายในพลังประชารัฐ ก็มีหวังได้เก้าอี้คืนอยู่เหมือนกัน
อีกคนที่มีลุ้น และกลุ่ม ส.ส.ใต้เคยออกมาเชียร์ คือ ดร.แด๊ก ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาล ซึ่งทำงานใกล้ชิดเข้าขาลุงตู่มาก
-เปิดโอกาสให้พรรคร่วมรัฐบาลได้ขยับ เพื่อแก้ไขปัญหาในพรรคตัวเอง เช่น ปชป.ก็มีคนรอต่อคิวเป็นรัฐมนตรีจำนวนมาก รัฐมนตรีบางคนอาจได้เสียงโหวตสนับสนุนน้อย ก็อาจเป็นเหตุให้ปรับ ครม. ขณะเดียวกันก็มีคนระดับ รมต.บางคนเตรียมย้ายค่ายเปลี่ยนโปร ก็อาจจะเป็นช่องทางให้ "หัวหน้าจุรินทร์" เขย่าขวดกันใหม่ ขณะที่ ภูมิใจไทยก็จะได้ขยับขยาย สลับสับเปลี่ยนคนมานั่งเก้าอี้
4.ปรับเพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของรัฐบาล เพิ่มคะแนนนิยม หรือปรับเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งหนหน้า
เหตุผลการปรับ ครม.ในข้อ 4 นับว่าน่าสนใจ และเพิ่มน้ำหนักการปรับ ให้มีความเป็นไปได้มากขึ้น โดยเฉพาะเก้าอี้ใหญ่ที่สุดอย่าง รมว.มหาดไทย ซึ่ง "พี่รองใน 3ป." อย่าง "บิ๊กป๊อก" นั่งว่าการอยู่มานานถึง 8 ปีแล้ว
งานนี้มีกระแสจากในพรรคเอง ซึ่งถือว่าชัดเจนที่สุดตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้ตั้งมา คือ อยากให้เปลี่ยนตัว เจ้ากระทรวงคลองหลอด เพื่อเตรียมเลือกตั้ง เรื่องนี้จริงจังถึงขนาด "บิ๊กป๊อก" นัดเคลียร์ใจกับ ส.ส.
ฉะนั้นหากสุดท้าย 3ป. ตกลงกันได้ และมีการขยับจริง การปรับ ครม.ก็จะเป็นการปรับใหญ่ ปรับเชิงยุทธศาสตร์ ทั้งเก้าอี้ระดับ เอบวก ไปจนถึงปรับเพื่อตอบแทนกลุ่มก๊วนต่างๆ
สูตรการปรับ จะเป็นแบบนี้
-บิ๊กป้อม สไลด์ไปเป็น มท.1 (รมว.มหาดไทย)
-บิ๊กป๊อก สไลด์ไป รมว.กลาโหม หรือ รมว.พลังงาน
ถ้าสไลด์ไป รมว.กลาโหม ก็จบแค่นี้ แต่ถ้าสไลด์ไปกระทรวงพลังงาน
-สุพัฒนพงษ์ หลุด หรือไปเป็น รมว.ดีอีเอส
-ถ้าสุพัฒนพงษ์หลุด ก็จบแค่นี้ แต่ถ้าไปดีอีเอส
-ชัยวุฒิ ก็จะหลุด หรือไป รมว.แรงงาน
-ถ้าชัยวุฒิ ไป รมว.แรงงาน
-สุชาติ ก็ต้องหาที่ใหม่
แต่มีข่าวว่า "เสี่ยเฮ้ง" อยากไปพลังงาน ถ้าสมหวัง "บิ๊กป๊อก"ก็ต้องไปอยู่กลาโหม (สูตรนี้ เสี่ยเฮ้งโอเคมาก)
นี่คือสูตรที่เปลี่ยนแปลงได้ทุกวัน เพราะแน่นอนว่าวิ่งกันฝุ่นตลบ ตอนนี้ก็ตลบอยู่แล้ว ขนาดยังอภิปรายไม่จบ
ฉะนั้น รอลุ้นไปฉากสุดท้ายเมื่อจบศึกซักฟอก ว่าสูตรไหน อย่างไร ลงตัวหรือไม่ ต้องรอติดตาม