หอฯเลยหวั่นสลากดิจิทัลทุบเศรษฐกิจ 6 พันล้าน

จากกรณีที่กองสลากเปิดขายแบบออนไลน์ โดยผ่านแพลตฟอร์ม จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือสลากดิจิทัล ผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง ในราคา 80 บาท ทำให้ตลาดการซื้อขายของผู้นิยมนักเสี่ยงโชค ได้เปลี่ยนไป แต่ทำให้อาชีพผู้ค้าสลากรายย่อย ที่ไม่มีโควต้าจากกองสลากได้รับความเดือดร้อน และส่งผลกระทบกับอาชีพการขายสลาก จนเป็นเหตุทำให้ผู้ค้ารายย่อยทั่วประเทศ ปักหลักชุมนุม ค้างคืน เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเรียกร้อง โดยข้อเรียกให้ปลดผู้อำนวยการ และบอร์ดบริหารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และขอให้จัดสรรโควตาให้กับผู้ค้าสลากรายย่อยตัวจริง

19 กรกฎาคม 2565 นายณัฐพล เหลืองวงศ์ไพศาล ประธานหอการค้าจังหวัดเลย กล่าวว่า สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น หากผู้ค้าสลากรายย่อยในจังหวัดเลย ที่ลงทะเบียนขายลอตเตอรี่ 40,000-50,000 คน หากไม่ได้รับการจัดสรรโควต้าจากกองสลาก อาชีพนี้จะสูญหายไปจังหวัดเลยจะขาดรายได้เข้าจังหวัด แต่ละปีไม่น้อยกว่า 6 พันล้านบาท

“จังหวัดเลยขึ้นชื่อว่า เป็นเมืองหลวงของลอตเตอรี่ เพราะว่ามีผู้ค้าสลากรายย่อย โดยเฉพาะที่เคยมีโควต้ากว่า 30,000 ราย เมื่อรวมกลุ่มที่ไม่มีโควตามีกว่า 60,000 ราย คิดเป็นร้อยละ 10 ของจำนวนประชากรของจังหวัดเลย ซึ่งรายได้ของกลุ่มนี้ถ้าจะมีรายได้หรือรายได้ลดลง จะส่งผลกระทบสภาพเศรษฐกิจของจังหวัด จากการดูการหมุนเวียนของรายได้จากผู้ค้าสลากรายย่อยกลุ่มนี้” นายณัฐพล กล่าว

สำหรับกลุ่มที่ได้รับโควต้าคนละ 5 เล่ม ต้นทุนเล่มละ 70.40 บาท ขายตามราคาที่รัฐบาลกำหนด 80 บาท คนละ 5 เล่มผู้ค้าก็จะได้กำไรงวดละ 5,000 บาท 1 เดือนหรือ 2 งวด ผู้ค้า 1 รายมีกำไรจากการขายสลากที่ 10,000 บาท เฉลี่ยมีรายได้ต่อเดือนไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท หรือถ้าคำนวณเป็นปีเงินจำนวนนี้จะมีผลกับเศรษฐกิจจังหวัดเลยปีละไม่น้อยกว่า 6,000 ล้านบาท นี้แค่คิดในราคาขั้นต่ำขายที่ราคา 80 บาท ตามที่รัฐบาลกำหนด

จังหวัดเลยรายได้ดัชนีต่อหัวของประชากร เคยสูงเป็นระดับที่ 2 ของภาคอีสาน ซึ่งในภาครวมรายได้ยังคงเป็นภาคเกษตร เพราะว่าประชากรส่วนใหญ่ก็ยังมีอาชีพเกษตรกรรม รองลงมาก็คือการท่องเที่ยว ส่วนรายได้จากการขายลอตเตอรี่ของจังหวัดเลย คงมีรายได้จากการคำนวณน่าจะไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของมวลรวมของประชากรในจังหวัดเลย แต่รายได้ของผู้ค้าลอตเตอรี่เป็นรายได้ที่อาจจะนับยากนิดหนึ่ง เป็นรายได้มาจากนอกจังหวัด ส่วนใหญ่ผู้ค้าสลากรายย่อยไปค้าขายทั่วประเทศ ที่ได้นำรายได้เข้ามาจังหวัด แต่คงไม่น้อยกว่า 10 % ซึ่งถ้าเมื่อไรมีการตัดโควต้าหรือไม่ได้รับโควต้าจากรัฐ อาชีพนี้สูญหายไปจะมีผลกระทบกับ จีดีพี มวลรวมของจังหวัดเลยอย่างแน่นอน