เพื่อไทยฉายหนังซ้ำย้ำปมทุจริตถุงมือยางอัด"บิ๊กตู่"ปากว่าตาขยิบ

20 กรกฎาคม 2565 การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวาระญัตติขอเปิดการอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 จำนวน 11 คน ต่อเป็นวันที่ 2 ภายใต้ยุทธการ "เด็ดหัว สอยนั่งร้าน" โดยมี นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภา คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ซึ่งได้แจ้งที่ประชุม ว่า การอภิปรายวันนี้ (20ก.ค.) ฝ่ายค้านจะเริ่มอภิปราย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์

ทั้งนี้ ตามด้วย นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 

จากนั้น นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตนได้รับมอบหมายให้อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ และนายจุรินทร์ ในข้อหาการทุจริตถุงมือยางภาค 2 โดยพล.อ. ประยุทธ์ รู้ถึงการทุจริตที่เกิดขึ้นที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นอย่างดีในวงเงิน 2,000 ล้านบาท แต่กลับเพิกเฉย ไม่ดำเนินการ จนความเสียหายเกิดขึ้น และปัจจุบันยังไม่สามารถติดตามเงินกลับคืนมาได้

"แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำตัวกลับเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปากว่าตาขยิบ รู้ว่านายจุรินทร์มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เกรงใจไม่กล้าปลดออกจากตำแหน่ง เพราะเกรงว่าสถานะ นายกฯ อาจไม่มั่นคง เพราะนายจุรินทร์จะถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล" นายประเสริฐ กล่าว 

อย่างไรก็ตาม การทุจริตที่เกิดขึ้น นายจุรินทร์มีพฤติกรรมฉ้อฉล ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ รู้เห็นเป็นใจปล่อยให้มีการทุจริตเกิดขึ้น สาเหตุเนื่องจากกลุ่มคนทุจริตนั้นเป็นบุคคลใกล้ชิด เป็นบุคคลที่ตนเองแต่งตั้งขึ้นมา โดยไม่อายัดเงินให้ทันต่อเหตุการณ์ อีกทั้ง ยังมีเจตนาทอดเวลาจนในที่สุดกลุ่มผู้กระทำการทุจริต ได้นำเงินนั้นไปทำการฟอกเงิน กระจายเงินไปตามบัญชีต่างๆ จนไม่สามารถติดตามได้

นายประเสิรฐ กล่าวต่อว่า ซึ่งการอภิปรายครั้งนี้มีข้อมูลใหม่เกี่ยวข้องกับพฤติการณ์การฟอกเงิน โดยมีเส้นทางการเงินของ บริษัท การ์เดียน โกลฟส์ จำกัด ว่ามีการโอนเงินไปให้ใคร อคส.ได้ทำสัญญาขายถุงมือยาง จำนวน 7 สัญญา มูลค่า 186,100 ล้านบาท สร้างข้อมูลอันเป็นเท็จว่ามีการสั่งซื้อจากบริษัท 7 แห่งจำนวนมาก เพื่อต้องการอ้างเหตุว่ามีออเดอร์ โดยจัดซื้อจากการ์เดียน โกลฟส์ จำนวน 500 ล้านกล่อง กล่องละ 225 บาท มูลค่า 112,500 ล้านบาท ปัจจุบันได้รับเงินมัดจำไปแล้ว 2,000 ล้านบาท จาก อคส. แต่ อคส. ยังไม่ได้รับมอบถุงมือยาง และปัจจุบันได้ยกเลิกสัญญาแล้ว

"จากการอภิปรายครั้งที่ผ่านมา เมื่อ 18 ก.พ. 64 เห็นได้ชัดว่าการทุจริตเกิดขึ้นจริง เงิน 2,000 ล้านบาท ยังติดตามคืนไม่ได้ ผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตยังใช้ชีวิตหรูหรา ใช้นาฬิกายี่ห้อริชาร์ดมิลล์ ซื้อรถแลมโบกินี่ รถบีเอ็มดับบลิว และบ้านใหม่หลายล้านบาท ลอยนวลในสังคมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยผมได้ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เมื่อ 10 มี.ค. 64  ต่อมา ป.ป.ช.ได้ทำบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 64 จำนวน 22 ราย มีการไต่สวนเบื้องต้นเห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนข้อกล่าวหาว่ามีมูลความผิดจริง จน ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา โดยเฉพาะประธานบอร์ดองค์การคลังสินค้า" เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุ

นอกจากนี้ นายจุรินทร์ไม่สนใจปล่อยให้ทำหน้าที่ต่อไปจนหมดวาระ และไม่มีการตั้งกรรมการสอบสวน พฤติกรรมของนายจุรินทร์ อ้าง ผอ.องค์การคลังสินค้า ว่ามีรายงานให้ตน 4 ครั้ง เพราะกลัวภัยจะมาถึงตัว และเคยตอบในสภา ว่าตัวเองเป็นเพียงบุรุษไปรษณีย์ ซึ่งถ้าเป็นแค่นั้นอย่ามาเป็นรัฐมนตรี แต่กลับปฏิเสธความรับผิดชอบทั้งที่กฎหมายให้อำนาจ

อย่างไรก็ดี วันนี้ขอทวงถามให้นายจุรินทร์ได้ตอบว่าเคยมีหนังสือไปบอร์ดองค์การคลังสินค้าหรือไม่ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการทุจริตที่เกิดขึ้น สิ่งที่นายจุรินทร์เคยพูดในสภาเมื่อ 18 ก.พ. 63 ว่าใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จะไม่มีละเว้น แม้แต่ประธานบอร์ด จงใจละเว้น ไม่ปลดผอ.องค์การคลังสินค้า ปล่อยให้ดำรงตำแหน่งต่ออีกเกือบ 1 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้ภัยมาถึงตัว อีกทั้ง ยังแต่งตั้งบุคคลที่มีประวัติไม่ชอบมาพากลเรื่องหน้ากากอนามัยขาดแคลน และมีราคาแพง ประชาชนเดือดร้อนถ้วนหน้าในช่วงตอนต้นที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 มาเป็นผอ.องค์การคลังสินค้าคนใหม่

ทั้งนี้ เ พราะมีความสนิทสนมอย่างมากกับครอบครัวนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆของนายจุรินทร์ เมื่อนายจุรินทร์ทราบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริง แต่ไม่อายัดเงินให้ทันกาล ส่งผลให้เกิดความเสียหาย โดยผู้กระทำความผิดมีการฟอกเงิน 2,00 ล้านบาทอย่างเปิดเผย ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย. 2563 และมีการสร้างหลักฐานอันเป็นเท็จ ในการอออกหนังสือรับรองยอดเงินฝาก จนกระทั่งวันที่ 29 ก.ย. 2563 ป.ป.ช. มีมติอายัดบัญชีเงินดังกล่าว 

"เส้นทางการเงิน 2,000 ล้านบาท กลุ่มผู้ทุจริตเบิกเงินสด โอนเงินสด สร้างนอมินีรับเงินโอนหรือบัญชีม้าลักษณะปกปิด อำพรางเพื่อนำเงินไปแบ่งปันผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน โดยการ์เดียนโกล์ฟถอดเงินสด 56.33 ล้านบาท ตั้งแต่ 3 ก.ย.-3 พ.ย. 63 จากธนาคาร และโอนเงินให้นิติบุคคลอย่างมีข้อพิรุธ จำนวน 967.17 ล้านบาท ผมสงสัยว่าเงินเหล่านี้อาจจะบินกลับมากระทรวงที่ตั้งอยู่ที่สนามบินน้ำ ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งมีการโอนเงินให้บุคคลต่างๆ กว่า 40 บัญชี จำนวน 151 ล้านบาท และมีข้อพิรุธ ทั้งที่บุคคลต่างๆ ไม่อยู่ในสถานะที่จะรับเงินได้ ที่น่าสงสัยว่าเกี่ยวพันกับการฟอกเงิน โดยมีบุคคลหนึ่งคอยประคับประคองตั้งแต่วันทำสัญญา การเบิกเงิน และเกี่ยวกันกับการทุจริตได้รับเงินสด 19 ล้านบาทเป็นการตอบแทนบุญคุณ ทำให้เห็นแล้วว่าเงินที่โอนไปไม่ได้ชำระค่าสินค้า ไม่ได้ชำระค่าถุงมือยาง เป็นการทำธุรกิจผิดปกติ ถอนเงินไปแบ่งปันซึ่งกันและกัน หากนายจุรินทร์รีบอายัดเงินความเสียหายจะไม่เกิดขึ้น แต่ทอดเวลา ละเว้นให้ผู้ทุจริตนำเงินไปใช้ อีกทั้งยังมีการโยกยย้ายเงินเพื่อออกหนังสือรับรองเงินฝากด้วย แบบถอนเข้าถอนออก เพื่อสร้างหลักฐานรับรองยอดเงินฝาก ผมแปลกใจที่ พล.อ. ประยุทธ์ และนายจุรินทร์เพิกเฉย อย่ามาอ้างไม่มีอำนาจหน้าที่ เพราะองค์การคลังสินค้าอยู่ภายใต้กำกับดูแลของกระทรวงพาณิชย์ อย่าอ้างไม่รู้ โง่จริงหรือจงใจแกล้งโง่"

ทั้งนี้ แม้การอภิปรายจะเป็นเรื่องเดิม แต่ตอนนั้นมีเพียงคลิปเสียงการประชุมของบอร์ด อคส. ยังไม่มีใบเสร็จเส้นทางการเงิน และการทุจริตต้องมีผู้รับผิดชอบ แต่กลับแก้ตัวในสภาว่าไม่เกี่ยวข้องใดๆ ถือว่ากรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา หาก พล.อ.ประยุทธ์และนายจุรินทร์ ใช้อำนาจยับยั้งความเสียหาย ก็จะไม่เกิดขึ้น พฤติกรรมต่างๆล้วนมีข้อสังเกต และนัยสำคัญว่าเงินไปตกอยู่กับผู้มีอิทธิพลทางการเมือง ขอเรียกร้องให้ ป.ป.ช.สอบสวนพฤติกรรมเหล่านี้ เพราะยังไม่มีการดำเนินคดีกับฝ่ายการเมืองเลย และหลังจากวันนี้ จะนำข้อมูลใหม่ในคดีทุจริตจัดซื้อถุงมือยางไปยื่นป.ป.ช.อีกครั้ง