นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งกลุ่มสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน พาตัวแทนแรงชาวไทย เดินทางมายังศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.) เข้าพบพ.ต.ท.ธงชัย สุยะลังกา รองผู้กำกับการ 1 บก.ปคม. เพื่อแจ้งความเอาผิดนายหน้าเป็นหญิงชาวไทย ซึ่งมีสามีเป็นชาวเกาหลีใต้ หลอกเก็บเงินค่าดำเนินการอ้างพาไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ แต่เมื่อจ่ายเงินแล้วกลับไม่สามารถไปทำงานได้ ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน,หลอกลวงคนไปทำงานต่างประเทศ และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์”
น.ส.เอ (นามสมมุติ) เปิดเผยว่า บริษัทดังกล่าว เป็นเอเจนซี่จัดหางานในต่างประเทศ โดยมีหญิงชาวไทยเป็นนายหน้า และสามีชาวเกาหลีใต้ กับชายไทยอีกราย โฆษณาชักชวนไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ผ่านเฟซบุ๊ก อ้างว่าบินก่อนผ่อนทีหลังได้ แต่เป็นการไปทำงานอย่างไม่ถูกกฎหมาย โดยบริษัทอ้างว่าจะปลอมแปลงเอกสารให้ พร้อมยังอ้างอีกว่าเคยส่งคนไทยไปทำงานแล้วกว่า 2,000 คน
แต่เมื่อติดต่อไป กลับถูกเรียกเก็บเงินค่าประกันการบินไปก่อนประมาณ 7,500 บาท รวมๆ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดบางรายมีราคาตั้งแต่ 15,000 ถึงหลักแสนบาท กระทั่งเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ขณะไปทำเรื่องลงทะเบียน K-ETA ของ ตม.เกาหลี หรือระบบการขอเอกสารอนุมัติการเดินทางแบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ต้องขอวีซ่า สำหรับชาวต่างชาติ ปรากฎว่าไม่ได้รับการอนุมัติ จึงพยายามติดต่อกับนายหน้าคนดังกล่าว ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก ที่ผ่านมามีผู้ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกในลักษณะเดียวกันกว่า 50 ราย
“ยอมรับว่าสิ่งที่ทำไม่ถูกต้อง แต่ตัวเองมีหนี้สินเป็นล้านบาท เหลือแค่แม่คนเดียว อีกทั้งงานในประเทศไทยได้เงินน้อย” น.ส.เอ กล่าวทั้งน้ำตา
ด้าน นายเอกภพ กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีเหยื่อถูกหลอกไปทำงานต่างประเทศทั้งโซนยุโรปและเอเชียแล้วหลายราย บางคดียังไม่คืบหน้า หลังแจ้งความแล้วจะประสานไปยังกระทรวงแรงงาน เพื่อให้ตรวจสอบบริษัทแห่งนี้ เนื่องจากเป็นการหลอกชาวไทยด้วยกันเอง
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สอบปากคำผู้เสียหายพร้อมพิจารณาประกอบพยานหลักฐานก่อนรายงานผู้บังคับบัญชา สั่งการต่อไป