"ชูวิทย์" แฉเบื้องหลัง "ทุนจีน" ฟอกเงินธุรกิจสีเทาเปิดผับใหญ่กลางกรุง

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง โพสต์ผ่านเฟบุ๊ก แฉผับใหญ่กลางกรุงเปิดเกินเวลา โดยระบุข้อความว่า นานๆ​ จะแฉสักครั้ง ผับใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ปิดตี 4 หากตำรวจเข้าตรวจ ชูวิทย์รับประกัน ใส่แว่นดำเกินครึ่ง สีม่วงเกิน 50% ทั้งเม็ด ทั้งผง ทั้งผับ

เพราะของแข็งสายดัง กระซิบนิดชื่อย่อ “ท.” อยู่ใจกลางถนน “ร.” สี่แยก “ห.” ท้องที่ สน. “ส.” เจ้าของผับเป็นคนจีนชื่อ “เดวิด” เปิดมานานเหมือนเป็นคนไทย แต่ทุนจีน อาศัยคอนเนกชั่นไทยแลนด์แดนสไมล์ เปิดใหญ่ไม่เกรงใจใคร ให้รู้เสียหน่อย ผบ.ตร.คนนี้ เคลียร์ไม่ได้

“อย่าคิดว่า คนไทยใช้เงินฟาดหัวเอาได้หมด เยาวชนไทยมั่วสุมแบบนี้ อนาคตจะไปอยู่ไหน?...ไม่ใช่สายเขียวนะครับ มันสายดำเลย หากไม่เชื่อ ผมพาไปเองได้ตอนตี 1 เดาอักษรย่อเอาเองแล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าผมตีเมืองขึ้น ส่วนเรื่องบ่อน เดี๋ยวค่อยตามมาเร็วๆ นี้ครับ....”

จากนั้นนายชูวิทย์ แถลงข่าวอีกครั้งว่า วันนี้จะเปิดเผยเกี่ยวกับทุนจีนในการสนับสนุนภาครัฐ ส่วนตัวมองว่า การทำแบบนี้เกินไป เพราะจะสร้างความเสียหายให้กับคนไทยอย่างมาก และคนที่ชื่อ “เดวิด” ถือเป็นตัวอันตรายอย่างมาก เพราะบ่อนในประเทศไทย ขณะนี้เป็นบ่อนจีนกันหมดแล้ว คนไทยทำได้แค่เปิดร้านคาราโอเกะตามริมถนนเท่านั้น

พอตนเองโพสต์เฟซบุ๊กไป เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจค้นและมาบอกว่า สถานที่แห่งนั้นถูกต้อง ไม่มียาเสพติด แต่คิดว่าชาวบ้านเชื่อตนเองมากกว่า เพราะที่ผ่านมาทำเรื่องนี้จนเป็นที่ประจักษ์

“การลงทุนจากต่างชาติ คนไทยต้องดีใจแล้ว เพราะมีเงินเข้าประเทศ แต่มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว เพราะคนจีนบุกธุรกิจสีเทาของไทย ทุนจีนเข้ามาครอบงำธุรกิจสีเทา อย่างบ่อนการพนัน ผับบาร์ โดยมีการใช้เงินถึง 4-5 ร้อยล้าน ที่เข้ามาเปิดอย่างไม่ถูกต้อง เพื่อที่จะเข้ามาฟอกเงิน”

เบื้องต้น “เดวิด” คนนี้เป็นคนจีน ดึงทุนจีนเข้ามาเปิดที่ไทย รวมทั้งบ่อนต่างๆ ประมาณ 12 บ่อน ซึ่งบ่อนที่กล่าวถึง ทุกอย่างที่ขายในบ่อน เป็นของจากจีนทั้งหมด ไม่ว่าน้ำที่ขาย หรือคนที่เข้าไปเที่ยวก็คือคนจีน

“นายเดวิดคนนี้ จะรู้ทุกอย่างว่า ต้องวิ่งเต้นไปหาใคร ต้องเข้าไปหาใคร รู้ว่าใครจะเป็นคอนเนคชั่นในการทำธุรกิจแบบนี้ ซึ่งทุนจีนแบบนี้ เข้ามาหลั่งไหลในประเทศไทย ที่มามอมเมาเยาวชนไทย โดยตนขอถามว่า แบบนี้หรือที่รัฐบาลไทยต้องการ โดยมีเงินหมุนเวียนเป็นพันล้าน ทั้งบ่อน ผับบาร์ ธุรกิจสีเทาอื่นๆ โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐของไทย และนักการเมืองร่วมมือด้วย”

ซึ่งตอนนี้มีผู้ว่าฯ  กทม.คนใหม่ ตนเองจึงขอถามกับฮีโร่คนใหม่ว่า สถานที่แต่ละแห่ง ที่มีการขออนุญาตก่อสร้างถูกต้องกันหรือไม่ ก็ขอให้ไปตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย

"โดยชีวิตตนเองผ่านอะไรมามากมาย และทราบดีว่า ตำรวจทำอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะมีคนที่ใหญ่กว่า มีอำนาจกว่า ถ้าหากนายกรัฐมนตรีต้องการจะแก้ไข ตนเองยินดีที่จะให้ข้อมูล เพราะในอนาคตต้องนึกถึงลูกหลานของเรา เพราะการทำแบบนี้ เหมือนจีนเอาขยะมาทิ้งให้ประเทศไทย และเยาวชนไทย"