สร้างความฮือฮาให้บรรดาแฟนคลับอย่างมาก ภายหลัง “ไพรวัลย์ วรรณบุตร” อดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง แปลงโฉมตัวเอง ด้วยการสวมชุดไทยโทนสีฟ้า พร้อมสไบเฉียง ด้วยท่าทางหลากหลายอิริยาบถ เพื่อโพสต์ขายน้ำพริกกระปุก
โดยเจ้าตัวเริ่มโพสต์เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา พร้อมระบุข้อความว่า “ฝนตกปรอยๆ หญิงพลอย มาขายน้ำพริกค่ะ จะกรุณารับน้ำพริกดิฉันสักกระปุกได้ไหมเจ้าคะ ท่านเจ้าคุณ พลอยอยากขายค่ะ ท่านเจ้าคุณสนใจ ท่านเจ้าคุณทักแชทได้เลยนะเจ้าคะ”
แม้ทาง “ไพรวัลย์” จะมีการตอบคอมเมนต์แฟนเพจว่า “ทุกวันนี้ดิฉันใช้ชีวิต เพื่อความสุขของตัวดิฉันเอง ดังนั้นหากตัวตนและความสุขของดิฉันที่ว่านี้ ไปลำบากหูลำบากตาใคร ดิฉันกราบขออภัยด้วยนะเจ้าคะ”
แต่เหมือนจะมีสมาชิกโซเชียลบางกลุ่ม ไม่ชอบใจในการแต่งกายสไบเฉียงของอดีตพระนักเทศน์ โดยเข้ามาตำหนิเชิงเหยียดเพศสภาพ จนกลายเป็นดราม่าร้อนๆ นั้น
ล่าสุด “ไพรวัลย์” โพสต์คลิปผ่านแอปพลิเคชันติ๊กต๊อก และเฟซบุ๊กตอบโต้กลุ่ม “เกรียนโซเชียล” ว่า หลังลงภาพใส่สไบ ถ่ายรูปสวยๆ แต่กลับมีพวกลูกป้าข้างบ้าน รวมถึงอีป้า และอีลุง เข้ามาคอมเมนต์เหยียดเพศสภาพ บอกว่าสึกดีแล้ว โดยส่วนตัวมั่นใจว่า ตอนบวชไม่ได้ทำอะไรผิดวินัย เพราะครองตนดีมาตลอด
“ถ้ามึงคิดว่า มึงบวชแล้วทำได้ดีกว่ากู ไอ้ผัวที่บ้านมาบวช หรือมึงมาบวชเอง มาบวชชีนะ พระพุทธเจ้าสอนการทำมาหากิน แบบสุจริต ไม่ว่าเขาจะแต่งตัวยังไง ถ้าสไบกูไม่ได้ไปฟาดหน้ามึง คือเป็นอันใช้ได้ หลักสัมมาอาชีวะ ทำมาหากิน ไม่ใช่นั่งวิจารณ์ชาวบ้าน อีพวกนั่งวิจารณ์ชาวบ้าน เงินไม่ได้ ค่าแรงไม่ได้ แต่ขยัน เหนื่อยมั้ย ถ้าเหนื่อยแนะนำให้หยุด วันๆ วิจารณ์คนอื่นเก่ง บูลลี่ ดูคนอย่าดูแต่ภายนอก”
ทั้งนี้ “ไพรวัลย์” ระบุว่า พระพุทธศาสนา ไม่ได้สอนให้ดูคนจากภายนอก แต่ถ้ายังดูตัดสินคนจากภายนอก หรือเพศสภาพ ขอแนะนำให้ไปอำเภอ เพื่อเปลี่ยนศาสนา เพราะเป็นพวกทัพพีไม่รู้รสแกง โดยพระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามคนใส่สไบ แต่ต้องทำมาหากินให้สุจริต ไม่เดือดร้อนคนอื่น
“ปากควรเอาไว้กินข้าว ไม่ใช่บูลลี่คนอื่น บางคนเกิดมาแก่จะตาย...อยู่แล้ว ชอบแชร์คำคมธรรมะ แชร์ภาพพระพุทธเจ้า แต่มึงเหยียดคนอื่นเก่ง เป็นพวกทัพพีไม่รู้รสแกง อยู่กับแกงแต่ไม่รู้รส เป็นคนพุทธ แต่ไม่มีธรรมะ ฉะนั้นเลิกตัดสินคนอื่น ทุกคนมีคุณค่าในตัวเองหมด ต่อให้เขาแต่งตัวดูตลก แต่ถ้าเขาทำมาหากินแบบสุจริต คือคนมีเกียรติ แต่คนที่ไม่มีเกียรติ คือคนที่บูลลี่คนอื่น”
สังคมทุกวันนี้ ไม่ได้วัดกันที่ว่า เป็นเพศสภาพแบบไหน แต่วัดกันที่ใครรู้จักทำงานหาเลี้ยงชีพ และใครมีศักยภาพในการพัฒนาตัวเอง