ถก พ.ร.ป.เลือกตั้งฯ วันแรก สภาล่ม "ชวน" สั่งปิด หลังองค์ประชุมหายเป็นร้อยคน

 

วันนี้ (5 ก.ค.) ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภา โดยตลอดทั้งวันมีการประชุมเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายที่มีความสำคัญหลายฉบับ และสามารถพิจารณาร่างกฎหมายได้จำนวนมาก อาทิ การผ่านความเห็นชอบร่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.... ในวาระที่สอง หลังจากยืดเยื้อมานาน จนครองสถิติเป็นร่าง กม. ปฏิรูปใช้เวลาพิจารณานานสุด (อ่านข่าว) 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงการพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. (ฉบับที่...) พ.ศ.... ในวาระสอง ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม ปรากฎว่า องค์ประชุมได้หายไปจำนวนมาก ทำให้การประชุมต้องยุติลง หลังจากที่พบว่า ผลการแสดงตนก่อนลงมติเพื่อตัดสินต่อประเด็นข้อเสนอของกรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อย ซึ่งเสนอให้ใช้หมายเลขผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ที่เป็นหมายเลขเดียวทั้งแบบเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ส่อว่าจะไม่ครบองค์ประชุม 

 

 

 

โดยนายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ฐานะวิปรัฐบาล ปรึกษาต่อที่ประชุมว่า “ตอนนี้เวลาล่วงเลยมา ขอให้ปิดประชุมและกลับมาพิจารณาต่อวันพรุ่งนี้”

 

แต่ถูกนายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรคเพื่อไทย ฐานะวิปฝ่ายค้าน คัดค้านพร้อมบอกว่า “ตอนนี้ฝ่ายค้านเตรียมพร้อมทำงาน ในการพิจารณาร่างพ.ร.ป.ที่สำคัญ ตอนนี้ประธาน กดให้แสดงตนสักพักแล้วขอให้แสดงผล ผมจะรอดูผลการแสดงตนของเพื่อนสมาชิก” 

 

 

ทำให้นายชวน กล่าวขี้นว่า "เวลาไม่มีปัญหา แต่อาจรอนาน ตอนนี้ยังขาดอีกว่า 100 คนเท่านั้น ขอบคุณสมาชิก เมื่อปรารถนาปิดประชุมก็ปิดประชุม"

 

 

สำหรับการพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่...) พ.ศ.... ได้ใช้เวลาพิจารณาในวันแรก นานกว่า 7 ชั่วโมง ผ่านการพิจารณาไปได้ทั้งสิ้น 8 มาตรา ยังเหลืออีก  29 มาตรา 

 

วันเดียวกัน  นายสมคิด เชื้อคง ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง (ฉบับที่...) พ.ศ... รัฐสภา  กล่าวถึงกรณีที่ท่าทีของเสียงข้างมากในรัฐสภา จะลงมติ วิธีคำนวณเพื่อหาผู้ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อตามผลรวมคะแนนแบบบัญชีรายชื่อ ในร่างมาตรา  23 ด้วยใช้จำนวน 500 คนหาค่าเฉลี่ย

 

ทั้งนี้เนื้อหาที่กมธ.เสนอไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเนื้อหาสาระจากเดิมที่ใช้จำนวน 100 คนหาค่าเฉลี่ย ว่า ทราบว่าเรื่องนี้มีการล็อบบี้ และเป็นคำสั่งของรัฐบาล หลังจากที่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เรียกหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลไปพูดคุยเมื่อช่วงเที่ยงระหว่างพักการประชุม ครม. โดยถือว่า รัฐบาลตบหน้าตัวเองเพราะเนื้อหาที่ กมธ.รับมาพิจารณาเป็นเนื้อหาหลักคือร่าง พ.ร.ป.ที่ครม. เป็นผู้เสนอ และพลเอกประยุทธ์ เป็นผู้ลงนามเสนอส่งให้สภา โดยเนื้อหากำหนดให้ใช้จำนวน 100 คนหาค่าเฉลี่ย ซึ่งกมธ.ไม่มีการแก้ไข และพรรคเพื่อไทยเห็นด้วย

 

"ตามหลักการของร่างกฎหมาย ที่กำหนดให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แยกกันชัดเจน ดังนั้นต้องหารด้วยจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ไม่มีตรงไหนที่เขียนให้ใช้หาร 500  แต่หากเขานะซิกแซคใช้เสียงข้างมาก ผมไม่รู้จะทำอย่างไรต้องสู้ด้วยการลงมติในที่ประชุม และสุดท้ายคือส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ" นายสมคิด กล่าว

 

นายสมคิด กล่าวย้ำว่าเจตนาที่สนับสนุนให้ใช้จำนวน 100 คนหาร ไม่ใช่มองว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ประโยชน์ เพราะในหลักการทุกพรรคต้องมาเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด แต่คำนึงถึงการสร้างความเข้มแข็งให้ระบบการเมืองในสภาฯ แต่สิ่งที่ พลเอกประยุทธ์คิดจะสร้างความเข้มแข็งให้ตัวเอง เอาพรรคเล็กมาร่วมรัฐบาล และใช้วิธีแจกกล้วย ตนมองว่าคนสั่งการให้พลิกสูตรคำนวณนี้ต้องการเลี้ยงลิงในสภา ตนยืนยันว่าจะไม่เห็นด้วย เพราะกรณีที่รัฐบาลสั่งให้รัฐสภาเขียนกฎหมายไม่มีหลักการ  นอกจากนี้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมองเป็นอื่นไม่ได้ว่า พลเอกประยุทธ์ อยากเป็นนายกฯ ต่อ อยากสืบทอดอำนาจ