โผล่อีก! คูปองที่พักทิพย์ จัดโปรลดกระจุย ถึงเวลาใช้จริงไม่ได้ เหยื่อเพียบ

เพิ่งจะมีการจับกุมไปหยก ๆ สำหรับกรณีดราม่าคูปองแซลมอนทิพย์ "ดารุมะ ซูชิ" ที่มีผู้เสียหายจำนวนมากนับหมื่นราย โดย ปคบ. อยู่ระหว่างตอบสอบว่าคดีเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่และฟอกเงินหรือไม่ (อ่านข่าว) แต่ล่าสุดกรณีเกี่ยวกับคูปองทิพย์โผล่มาอีกแล้ว 

โดยที่สำนักงานทนายรัชพล ศิริสาคร ได้มีกลุ่มตัวแทนผู้เสียหาย ที่ซื้อคูปองที่พัก , ร้านอาหารและการให้บริการอื่น ๆ ในพื้นที่ จ.ชลบุรี รวมตัวกันเดินทางมาขอคำปรึกษาด้านกฎหมาย และต้องการให้ ทนายรัชพล ช่วยเร่งรัดติดตามคดี หลังจากบริษัทแห่งหนึ่งเปิดขายคูปองในราคาถูกให้กับกลุ่มลูกค้าผ่านทางไลฟ์ในเพจเฟซบุ๊ก จนทำให้มีผู้หลงเชื่อแห่ซื้อบัตรคูปองที่พักเป็นจำนวน เช่น บัตรที่พักราคา 999 บาท ซื้อโปรในช่วงไลฟ์เหลือเพียง 22 บาทต่อใบ 

แต่ปรากฎว่า เมื่อเดินทางไปพักจริงกลับถูกเรียกเก็บค่าทำความสะอาดเพิ่มอีก 500 บาท บางรายก็อ้างว่า ไม่สามารถเปิดห้องพักให้บริการได้เพราะอยู่ในช่วงปรับปรุง จากนั้นต้นปีที่ผ่านมาบริษัทดังกล่าวได้ประกาศยกเลิกให้บริการการจองที่พักด้วยคูปองทั้งหมด ทำให้กลุ่มผู้เสียหายยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ปคบ. แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า ส่วนบริษัทก็ยังคงเปิดทำการอยู่
 

น.ส.ปภาดา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ลูกค้าที่ซื้อเวาเชอร์และตัวแทนจำหน่าย กล่าวว่า เริ่มต้นตนเห็นทางบริษัท ไลฟ์ขายคูปองซึ่งราคาถูกกว่าหน้าบัตรหลายเท่า จึงทดลองซื้อและนำไปลองใช้ ก็สามารถใช้ได้จริง ตนจึงมองว่าน่า จะเป็นช่องทางในการหารายได้เสริม ด้วยการจองซื้อบัตรแล้วนำมาขายต่อ จะมีกำไรอยู่ที่ประมาณ 300 – 500 บาทต่อใบ ตนจึงได้กดสั่งซื้อคูปองที่พักต่าง ๆ ไว้จำนวนมาก

กระทั่งเมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมา ตนเริ่มถูกลูกค้าที่ซื้อคูปองจากตนไป โทรมาต่อว่าต่าง ๆ นานา ว่า คูปองที่พักไม่สามารถใช้งานได้จริง เนื่องจากเจ้าของพักที่ระบุไว้ในบัตร ไม่ยินยอมให้ลูกค้าที่ถือคูปองเข้าพัก โดยอ้างว่าทางบริษัทซึ่งมาทำสัญญาเช่าเหมาที่พักเอาไว้ ไม่ยอมชำระเงิน ทำให้ได้รับความเดือดร้อน ติดค้างค่าน้ำค่าไฟต่าง ๆ ที่บริษัทได้นำลูกค้ามาเข้าพักก่อนหน้านี้เป็นจำนวนมาก หากทางลูกค้าจะเข้าพักจริง ๆ ต้องชำระเป็นเงินสด บางรายถึงกับจะแจ้งความดำเนินคดีกับตน ตนจึงจำใจต้องโอนเงินคืนให้ลูกค้าไป

น.ส.ปภาดา กล่าวต่อว่า ตอนนี้ตนได้รับความเดือดร้อนจากการเสียเงินจ่ายค่าจองซื้อบัตรไปแล้วประมาณ 6 หมื่นบาท และเมื่อสืบค้นหาเกี่ยวกับบริษัทนี้ก็พบว่า มีผู้เสียหายที่ถูกหลอกให้ซื้อบัตรที่พักลดราคาอีกเกือบ 500 คน รวมมูลค่าความเสียหายแล้วเกือบ 3 ล้านบาท ตนและผู้เสียหายรายอื่น ๆ ได้พยายามติดต่อไปทางบริษัท แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง อ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา ไม่ยอมคืนเงิน

จนเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ตนกับกลุ่มผู้เสียหายจึงไปแจ้งความที่ ปคบ.แต่คดีไม่มีความคืบหน้า บริษัทก็ยังไลฟ์ขายคูปองตามปกติ ไปแจ้งความตำรวจก็บอกว่า ความเสียหายยังไม่เกิดและไม่รับแจ้งความ ทั้ง ๆ ที่ตนมองว่า พวกตนก็ตกเป็นผู้เสียหายถูกหลอกถูกโกงไม่ต่างกับเคสดารุมะเช่นกัน ในวันนี้จึงตัดสินใจรวมกลุ่มกันมาปรึกษาทนายรัชพล เพื่อให้ช่วยเร่งรัดติดตามคดี เพราะมีผู้เสียหายหลายกลุ่ม คือ กลุ่มลูกค้าที่ซื้อบัตรไปใช้ กลุ่มแม่ค้าที่ซื้อบัตรไปจำหน่ายต่อ กลุ่มพนักงานที่ถูกหลอกให้ทำงานโดยไม่จ่ายค่าจ้าง และกลุ่มเจ้าของที่พักที่ถูกหลอกทำสัญญาเช่าที่พักและไม่จ่ายเงินตามสัญญา

ด้าน น.ส.นันทพัฒน์ อายุ 39 ปี อดีตพนักงานบริษัท กล่าวว่า ตอนแรกตนก็เป็นลูกค้าที่ซื้อคูปองมาใช้เอง ต่อมาทางเจ้าของบริษัทได้ชักชวนให้ไปทำงานด้วย ในตำแหน่งแอดมินเพจ และผู้จัดการดูแลส่วนที่พักที่เป็นพลูวิลล่า รีสอร์ต และคอนโด โดยมีกลุ่มลูกจ้างฝ่ายต่างๆ ประมาณ 124 คน ซึ่งตั้งแต่ไปทำงาน ทุกคนยังไม่มีใครได้รับเงินเดือนเลย ก่อนไปร้องกรมแรงงาน แต่เรื่องก็เงียบ และปัญหาของบริษัทแห่งนี้คือเจ้าของบริษัทไม่จ่ายค่าทำสัญญาใด ๆ ให้กับทางที่พักที่ไปทำสัญญาไว้ แต่กลับระดมออกเวาเชอร์ขายจำนวนมาก มากเกินกว่าจำนวนที่พักที่มีอยู่จริง ตนในฐานะคนชลบุรีบ้านเดียวกับ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน อยากขอความเมตตาให้ลงมาตรวจสอบบริษัทแห่งนี้ด้วย

ทนายรัชพล กล่าวว่า คดีนี้ต้องมีการสอบสวนว่า เจ้าของบริษัทมีเจตนาอย่างไร ถ้าพบว่ามีเจตนาขายคูปองทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าขายบัตรที่ไม่สามารถนำไปใช้ จะมีความผิดหรือมีเจตนาฉ้อโกงประชาชน และก็ยังคงออกบัตรมาขายอยู่ทั้ง ๆ ที่มีปัญหา ซึ่งตนอาจจะต้องนำกลุ่มผู้เสียหายเดินทางไปติดตามคดีที่ได้แจ้งความไปแล้วทั้ง ปคบ. และกรมแรงงานต่อไป ว่ามีเหตุผลใดที่คดีนี้ยังไม่มีความคืบหน้าแจ้งกลับมาให้ผู้เสียหายได้ทราบ