23 มิถุนายน 2565 จากกรณีปฏิบัติการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม. บก.ปปป. และ บก.ปอท.เปิดปฏิบัติการ “คอสเพลย์อวตาร” เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดปทุมธานี เข้าตรวจค้นบ้าน ม.3 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อจับกุมนายปิยบุตร อุไรงาม อายุ 27 ปี ลวงเยาวชนถ่ายภาพคอสเพลย์หวิว และใช้ข่มขู่กดดัน จนเป็นเหตุให้มีเยาวชนตัดสินใจจบชีวิตตัวเองถึง 2 ราย (คลิกอ่านรายละเอียดที่นี่)
ล่าสุดที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ด.ต.ทรงภพ พ่อผู้เสียหายวัย 14 ปีที่ถูกหลอกถ่ายคลิปโป๊ และถูกข่มขู่แบล็กเมล์ จนตัดสินใจแขวนคอเสียชีวิตลง เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผบก.ปคม. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.
ด.ต.ทรงภพ เปิดเผยว่า ในฐานะที่เป็นตำรวจ รู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถดูแลคดีดังกล่าวได้ หลังจากได้รับรู้เรื่องราว ได้เข้าไปหารือกับผู้บังคับบัญชา พยายามรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด รวมทั้งได้พูดคุยกับเพื่อนของลูกสาว และนำข้อมูลมามอบให้กับทาง บก.ปคม. เพื่อสืบสวนขยายผลใช้เวลานานกว่า 2 เดือน จนสามารถชี้พิกัด และเข้าจับกุมคนร้ายได้วันนี้( 23 มิ.ย.)
“ผมรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถดูแลปกป้องลูกสาวได้ ก่อนเกิดเหตุลูกสาวมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ไม่ยอมไปไหนมาไหนด้วย กักตัวอยู่แต่ในห้อง จึงพยายามพูดคุยกับลูกสาว สอบถามจนทราบเรื่องราว และพบว่าก่อนหน้านี้ ลูกพยายามมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ช่วยไว้ได้ทัน”
ด.ต.ทรงภพ กล่าวอีกว่า ลูกสาวมีความชื่นชอบในเรื่องของคอสเพลย์ ตั้งแต่ช่วงประมาณ ป.6 และยังได้หาชุดมาให้ผู้แต่งคอสเพลย์รายอื่นเช่า สามารถหารายได้นับหลักแสนบาท โดยตนและภรรยาได้เตือนให้ลูกระมัดระวังตัว เรื่องการแต่งคอสเพลย์ถ่ายรูป เพราะ เกรงว่าจะไม่เหมาะสม ซึ่งลูกสาวได้รู้จักคนร้าย ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน กุมภาพันธ์ถึงปลายเดือนมีนาคม
“อยากบอกลูกเป็นครั้งสุดท้ายว่า พ่อทำหน้าที่ของพ่อ ได้ดีที่สุดแล้ว แต่ลูกก็ไม่ควรจากพ่อไปไวขนาดนี้ ขอให้ลูกรู้ว่า พ่อยังรักลูกตลอดไป”
ด้าน พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต กล่าวว่า พวกตนต่างเป็นพ่อคน ไม่รู้ว่าเมื่อไรลูกจะตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรม ดังนั้นจะนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้ ต้องเร่งดำเนินการเพื่อปราบปรามอาชญากรรมลักษณะนี้ และส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนรู้เท่าทันอาชญากรรมในสื่อสังคมออนไลน์
ขณะนี้ ทาง บช.ก. ได้เตรียมมาตรการเชิงรุก เพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรม ที่เกิดขึ้นในสื่อสังคมออนไลน์ โดยมีการเปิดโครงการป้องกันอาชญากรรมตามแนวตำรวจสมัยใหม่ โดยร่วมกับ กสทช. และมูลนิธิเกี่ยวกับเด็ก โดยเฉพาะโรงเรียนในสังกัด กทม. โดยตำรวจจะมีการทำคอนเทนท์ ส่งไปตามโรงเรียนต่างๆ เพื่อสอนเด็กให้เข้าใจถึงโทษภัยของอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อเป็นแนวทางการป้องกันภัยต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ต.วิวัฒน์ กล่าวว่า ทั้งนี้ จากการเข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาภายในบ้านพัก พบว่า คนร้ายได้ก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี อีกกว่า 10 คน ซึ่งหลังจากนี้ ตำรวจจะเร่งหาแหล่งปลายทางของคลิป รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีทั้งหมด พร้อมทั้งจะสอบสวนหาข้อมูลให้ได้ความชัดเจนว่า ผู้ต้องหาเป็นสาเหตุของการตายของเหยื่อหรือไม่ ซึ่งจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในภายหลัง
เบื้องต้น การกระทำของผู้ต้องหาเข้าข่ายความผิดฐาน "ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็ก เพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองและผู้อื่น และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ