23 มิถุนายน 2565 เมื่อเวลา 06.00 น. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์(ผบก.ปคม.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม. บก.ปปป. และ บก.ปอท.เปิดปฏิบัติการ “คอสเพลย์อวตาร” นำหมายค้นศาลจังหวัดปทุมธานี เข้าตรวจค้นบ้าน ม.3 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อจับกุมนายปิยบุตร อุไรงาม อายุ 27 ปี ผู้ต้องสงสัยใช้สื่อสังคมออนไลน์ และแพลตฟอร์มต่างๆทางอินเตอร์เน็ต แสวงหาประโยชน์ทางเพศกับเด็กและสตรี
จากการตรวจสอบพบบ้านหลังดังกล่าว มีลักษณะเป็นบ้านพักสองชั้น มีรั้วรอบขอบชิด เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบ นายปิยบุตร กำลังเตรียมตัวจะออกไปทำงานนอกบ้าน เจ้าหน้าที่จึงแสดงหมายค้นขออนุญาตเข้าตรวจสอบภายในบ้าน พบเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ เมื่อตรวจสอบข้อมูลภายในพบไฟล์รูปภาพและคลิปวิดีโอโป๊เปลือย หรือ สื่อลามกอนาจารเกี่ยวกับเด็กเป็นจำนวนมาก พร้อมกับพบหมายเรียกเข้าให้ปากคำในคดีลักษณะดังกล่าวจากท้องที่อื่นๆ อีกหลายหมาย จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานพร้อมคุมตัวไปสอบปากคำ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
สำหรับปฏิบัติการดังกล่าว สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งพร้อมครอบครัว เข้าร้องขอความช่วยเหลือต่อ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. ว่า น้องไข่มุก(นามสมมติ) อายุ 14 ปี บุตรสาว ได้ถูกผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นบัญชีแอคเคานท์แอปพลิเคชันดิสคอร์ด และ ทวิตเตอร์ปลอม หรือ อวตาร ทักข้อความมาทำทีตีสนิท ก่อนล่อลวงให้ส่งภาพโป๊แลกกับเงิน แต่เมื่อได้ภาพไปแล้วกลับนำภาพดังกล่าวมาข่มขู่แบล็กเมล์ ด้วยการให้วิดีโอคอล แล้วสั่งให้ทำในสิ่งที่ต้องการในทางลามกอนาจาร หากไม่ยอมทำตามจะนำภาพดังกล่าวไปเผยแพร่ จนทำให้ผู้เสียหายเกิดความเครียดตัดสินใจผูกคอจบชีวิตตัวเอง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ติดต่อกันเพียง 43 วัน
หลังทราบเรื่องทางตำรวจ บก.ปปป. จึงประสานข้อมูลร่วมกับตำรวจ บก.ปคม. บก.ปอท. ร่วมกันแกะรอยสืบหาเบาะแสของคนร้ายรายนี้ จนทราบว่าเป็นนายปิยบุตร ทำงานเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์อยู่ที่บริษัทสื่อสารแห่งหนึ่ง
อีกทั้งจากแนวทางสืบสวนยังพบว่า แม้จะเกิดเรื่องสะเทือนใจ แต่นายปิยบุตร กลับไม่มีท่าทีสลดหรือสำนึกในความผิดของตัวเอง ยังคงมีพฤติกรรมลักษณะดังกล่าวเช่นเดิม ล่อลวงเด็กสาวในกลุ่มคอสเพลย์ คนอื่นๆ ให้ส่งภาพโป๊เปลือยโชว์ของสงวนมาให้ จากนั้นก็จะบันทึกภาพไว้ แล้วนำไปหาผลประโยชน์ให้ตนเอง ซึ่งถือเป็นภัยร้ายต่อสังคม และ เยาวชน เจ้าหน้าที่จึงเร่งแกะรอยสืบหาพยานหลักฐาน จนนำมาสู่การเข้าจับกุมตัวได้พร้อมของกลาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบสวนช่วงแรก นายปิยบุตร ให้การภาคเสธรับเพียงว่า เก็บคลิปภาพเด็กสาวในโทรศัพท์จริง แต่เป็นเด็กสาวที่เคยพูดคุยกัน หรือแฟนสาว รวมไปถึง ภาพที่บันทึกมาจากทวิตเตอร์ต่างๆ เพราะเป็นคนชอบสะสมภาพสาวแต่งคอสเพลย์ ไม่ได้มีการข่มขู่หญิงสาวเหล่านั้นแต่อย่างใด จนภายหลังจึงยอมรับว่า เคยมีการข่มขู่เหยื่อว่าจะเอาภาพไปปล่อยตามสื่อสังคมออนไลน์จริง
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบข้อมูลภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ พบคลิปวิดีโอลามกอนาจารของเด็กสาวอายุต่ำกว่า 15 ปี จำนวนมาก นอกจากนี้จากการตรวจสอบข้อมูลการสนทนาแอปพลิเคชั่นต่างๆ ภายในโทรศัพท์ของผู้ต้องหาพบ หลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำให้เหยื่อฆ่าตัวตาย อย่างไรก็ตามจากแนวทางสืบสวน เจ้าหน้าที่พบว่าการกระทำของผู้ต้องหารายนี้ส่งผลให้มีเหยื่อเด็กสาวตัดสินใจฆ่าตัวตายแล้วจำนวน 2 ราย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหา “ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287/1 ระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามความผิดซึ่งหน้าก่อนนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปคม. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป