กำลังเป็นดราม่าในโซเชียลกรณี “พระแจ้” หรือ พระตะวัน อิทฺธิโชโต วัดน้อมประชาสรรค์ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา กำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักถึงความเหมาะสมจากการรับสักยันต์ ผลิตวัตถุมงคล ทั้งที่เพิ่งบวชพระได้เพียง 3 พรรษา โดยเฉพาะประเด็นการผลิตวัตถุมงคล หลวงพ่อกวย ชุตินธโร พระเกจิชื่อดัง วัดโฆสิตาราม (บ้านแค) อ.สรรค์บุรี จ.ชัยนาท โดยอ้างว่าเป็นผู้สืบทอดวิชาการอาบน้ำมนต์จากหลวงพ่อกวย จนถึงขั้นถูกประกาศตัดขาดจากวัดบ้านแคมาแล้ว ซึ่งหลังถูกวิพากษ์วิจารย์ พระแจ้ ได้ออกมาตอบโต้ด้วยถ้อยคำดุเดือด ท้าทายคนจบระดับด็อกเตอร์ให้มาสักยันต์แข่งกัน (อ่านข่าว)
ล่าสุดวันนี้ (22 มิ.ย.) พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ให้ความเห็นว่า พระแจ้คงไม่ได้เรียนรู้เรื่องธรรมสัจจะว่า เป็นเรื่องเฉพาะคน เฉพาะเรื่อง เฉพาะกรณี จึงไปท้าทายคนอื่นเช่นนั้น อาตมาถามกลับไปว่า ถ้าคนระดับด็อกเตอร์ท้าทายพระแจ้กลับให้มาพูดอังกฤษ หรือแข่งเลขคณิต วิทยาศาสตร์กับเขาบ้าง พระแจ้จะตอบรับไหม จึงไม่ควรไปพูดแบบนั้น
ทุกวันนี้แนวทางที่พระแจ้ควรจะเดินตาม ควรเป็นแนวทางของใคร ระหว่างหลวงปู่ หลวงพ่อ หรือพระพุทธเจ้า อย่าลืมว่าแนวทางไสยศาสตร์เหล่านี้ล้วนแต่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วหายไป เป็นสิ่งชั่วครู่ชั่วยาม แค่ระยะหนึ่งแล้วก็หมดไป แล้วของใหม่ก็มาแทน วนเวียนอยู่แบบนี้ ไม่ยั่งยืน ดังนั้นอย่าเอาจุดขายของตัวเองไปเทียบกับคนอื่น เพราะไม่สามารถเทียบกันได้ทุกกรณีหรือทุกคนเป็นกิเลสเปล่า ๆ
พระพยอม กล่าวอีกว่า การรดน้ำมนต์ก็เป็นเครื่องอุ่นใจอย่างหนึ่ง แต่อย่าทำให้คนลุ่มหลงว่าเป็นน้ำวิเศษมากไปกว่าน้ำเหงื่อ ไม่อย่างนั้นกระทรวงใหญ่ ๆ ในประเทศไทยก็เชิญพระแจ้ไปรดน้ำมนต์เพื่อให้ช่วยแก้ไขปัญหาได้หมดแล้ว ให้เอาหลักเหตุผลหรือหลักความจริงในธรรมมาพิจารณาดูบ้าง อย่าทำให้ชาวบ้านเชื่ออะไรลม ๆ แล้ง ๆ โดยขาดเหตุผล
และชาวพุทธที่ไม่ได้ยึดถืออยู่กับพระรัตนตรัยเป็นหลัก แต่ไปบูชางมงายความเชื่อในไสยศาสตร์ ก็เป็นได้แค่ชาวพุทธระดับอนุบาลเท่านั้น ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงบอกว่า บุคคลจะหลุดพ้นจากกรรมได้ด้วยความเพียร คือกรรมวาทีและวิริยะวาที ควรเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรมอย่างมั่นคงโดยไม่ซัดส่ายด้วยความเพียร ถึงจะหลุดพ้นจากกรรมได้ และการรดน้ำมนต์ในสมัยก่อนไม่มีการเรียกเก็บเงินทอง แต่เป็นการกุศโลบายสงเคราะห์กันไป เพราะก่อนจะรดจะราดน้ำมนต์ ก็ให้ตกปากรับศีลรับพร เพื่อให้ประพฤติปฎิบัติอยู่ในศีล ไม่เหมือนยุคนี้ที่ไม่มีสอนมีสั่งอะไรเลย เสก ๆ แล้วก็ราด ๆ ให้จบ ๆ กันไป