20 มิถุนายน 2565 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการปลดล็อกกัญชาที่ส่งผลกระทบหลายมิติ ว่า ทราบกันอยู่แล้วว่ามีผลกระทบแน่นอน จึงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา โดยมี รองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นประธาน ในระหว่างที่ พ.ร.บ.กัญชายังไม่ออกมา ก็มีกฎกระทรวงควบคุมอยู่แล้ว และขอสื่อมวลชนช่วยกันประชาสัมพันธ์ ในการออกข้อระวังต่างๆว่าควรใช้อย่างไร ซึ่งมีบทลงโทษออกมาสำหรับผู้ที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญ รวมถึงสิ่งที่ไม่ให้ทำแต่ทำ เจ้าหน้าที่ก็สามารถดำเนินคดีได้ เสียค่าปรับ
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดต้องสร้างความเข้าใจให้ประชาชน ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามต้องมีทั้งวิกฤตและโอกาสเสมอ แต่รัฐบาลมุ่งหวังที่จะให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจ จากที่มีมติ ครม. เห็นชอบด้วยกัน แต่ก็ต้องเตือนสำหรับผู้ที่ไม่เคยลองใช้ ถ้าไม่เคยลองใช้ก็อย่าไปใช้ อย่าไปสูบ เเละต้องเตือนว่าจะมีผลต่อสมองอย่างไร ซึ่งเมื่อ พ.ร.บ.กัญชา ออกแล้วจะมีบทลงโทษตามมา อีกทั้งต้องมองผลดี เพื่อช่างน้ำหนักด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงภาพรวมทางเศรษฐกิจภายหลังเปิดประเทศ ว่า สิ่งที่จะฟื้นตัวคือเรื่องการท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกวัน ก็ต้องไปดูเรื่องของความแออัดของนักท่องเที่ยว การตรวจคนเข้า-ออกเมือง เพื่อหารายได้เข้าประเทศ ซึ่งจะมีผลกับผู้ประกอบการ ห่วงโซ่ต่างๆ และเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการทั้งหมด โดยรัฐบาลพยายามให้คนเหล่านี้ได้กลับมามีอาชีพ ให้ร้านอาหารกลับมาขายได้ ส่งผลให้เศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็งขึ้น เราคาดหวังอย่างนั้น ตนจึงบอกว่าไม่อยากให้สถานการณ์กลับมาอีก เพราะเราเจอปัญหาโควิดมา 2-3 ปีแล้ว แต่ก็สามารถทำได้ดี หลายประเทศชื่นชมก็ต้องรักษาตรงนี้ต่อ เพราะบางอย่างอาจจะต้องสงวนรักษาไว้ ข้อห้ามอะไรต่างๆก็ต้องมี ไม่เช่นนั้นจะกลับไปที่เก่า แล้วจะทำอย่างไรกัน อีกทั้งวันนี้ก็มีผลกระทบเรื่องสงครามเข้ามาอีก มันกระทบเป็นห่วงโซ่เหมือนกันทุกประเทศ
ทั้งนี้ อยากให้มองว่าประเทศรอบบ้านเป็นอย่างไร เขามีมาตรการอะไร ซึ่งเราทำมากกว่าเขา และประชาชนก็เดือดร้อน แล้วคิดว่านายกฯ ไม่เจ็บปวดหรือ (เอามือทาบอก) ตนไม่อยากให้ใครเดือดร้อนทั้งสิ้น พยายามทำอย่างเต็มที่ที่สามารถทำได้ โดยที่ไม่เป็นปัญหาและไม่สร้างปัญหาให้เกิดขึ้นในอนาคต ก็พยายามที่สุดแล้ว จึงขอให้ช่วยกัน
เมื่อถามว่าโฆษกพรรคก้าวไกล เสนอให้ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ตอนนี้ประกาศไปถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม ก็ต้องพิจารณาถึงเหตุผลความจำเป็น ซึ่งที่ผ่านมาทุกคนทราบดีว่าการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อบูรณาการทุกหน่วยงานทั้งพลเรือน ตำรวจ และทหาร เพราะต้องใช้คนทั้งหมดมาทำงาน ซึ่งมีผลมาถึงวันนี้ในเรื่องประสิทธิภาพ ดังนั้นต้องไปดูว่าจำเป็นอีกหรือไม่ ทั้งนี้ หากยกเลิกไปก็เหลือแต่กฎหมายของกระทรวงสาธารณสุข จะทำไหวทุกอย่างหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์มากน้อยเพียงใด ตนไม่ได้อยากบังคับใครทั้งสิ้น