อัยการยันคดี "แตงโม" ฟ้องตรงได้ครั้งเดียว หากถูกยกฟ้องคดีอื่นหลุดหมด

วันนี้ (15 มิ.ย.) น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ อัยการจังหวัดนนทบุรี กล่าวถึงกรณีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นฟ้องกลุ่มผู้ต้องหา 5 คนบนเรือสปีดโบ๊ทว่าเป็นเหตุฆาตกรรมอำพรางการเสียชีวิตของดาราสาว "แตงโม นิดา" ต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทำให้ นางภนิดา ศิริยุทธโยธิน แม่ของแตงโม ไม่สามารถถอนคำฟ้องของนายอัจฉริยะได้ และศาลนัดไต่สวนพยานหลักฐานในวันที่ 20 ก.ค. นี้ (อ่านข่าว)

น.ส.สุภาภรณ์ ระบุว่า การยื่นฟ้องที่ประชาชนเป็นโจทก์ฟ้องคดีเองนั้น ครอบครัวผู้เสียหายหรือผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เสียหาย หรือผู้ที่เป็นทายาทโดยชอบธรรมของผู้เสียหาย มีสิทธิ์ที่ฟ้องคดีเองได้ แต่เมื่อเป็นโจทก์ยื่นฟ้องไปแล้วจะไม่สามารถถอนฟ้องได้ เพราะถ้าถอนฟ้องก็จะถือเป็นการถอนฟ้องเด็ดขาด ไม่สามารถฟ้องใหม่ได้อีก กฎหมายกำหนดให้ครอบครัวผู้เสียหายหรือผู้แทนโดยชอบธรรม สามารถใช้สิทธิ์ได้เพียงครั้งเดียว ไม่สามารถฟ้องซ้ำได้ แต่ไม่ตัดสิทธิ์ในส่วนที่พนักงานอัยการเป็นผู้ยื่นฟ้องคดี
 

แต่อย่างไรก็ตาม การที่ราษฎร ครอบครัวผู้เสียหาย หรือผู้แทนโดยชอบธรรม เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเอง ต้องมีการไต่สวนมูลฟ้องก่อนว่ามีมูลหรือไม่ ถ้าศาลนัดไต่สวนและมีการสืบพยานแล้ว หากศาลพิพากษายกฟ้อง โดยวินิจฉัยเนื้อหาประเด็นแห่งคดี จะมีผลให้คดีของพนักงานอัยการจบลงด้วยทันที สิทธินำคดีอาญาฟ้องจะถูกระงับ กล่าวคือจะส่งผลถึงคดีที่อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง แต่ในเงื่อนไขที่จำเลยเป็นชุดเดียวกัน คนเดียวกัน การกระทำกรรมเดียวกัน คดีเสร็จเด็ดขาดโดยศาลตัดสินผ่านการวินิจฉัย แล้วพิพากษายกฟ้องว่าจำเลยไม่ผิด ก็จะส่งผลถึงคดีของพนักงานอัยการโดยตรง คือจำเลยต้องรับคำวินิจฉัยได้เพียงครั้งเดียว
 

อัยการจังหวัดนนทบุรีกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า พนักงานอัยการทำหน้าที่ฟ้องแทนรัฐในฐานะรัฐเป็นผู้เสียหาย เช่น คดีฉ้อโกงประชาชน ส่วนคดีที่ทายาทโดยชอบธรรมเป็นผู้เสียหายทำการฟ้องเอง ก็มีหลายคดีที่ยกฟ้องไป ทำให้สิทธิ์อัยการในการนำคดีต้องยกไปด้วย ซึ่งในส่วนคดีของ "แตงโม นิดา" ที่คุณแม่มอบหมายให้ผู้แทนโดยชอบธรรมฟ้องเอง ถ้าศาลวินิจฉัยพิจารณาแล้วยกฟ้องคดี จะทำให้คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องถูกยกฟ้องไปด้วย

โดยมีตัวอย่างฎีกาที่ 6202/38 ที่ทายาทฟ้องเองในข้อหาทำลายพยานหลักฐานและทำลายศพ คดีนี้ศาลวินิจฉัยว่าการทำลายศพเป็นความผิดต่อรัฐก็จริง แต่สุดท้ายศาลก็วินิจฉัยยกฟ้องคดีนี้ทุกข้อหา เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 ( 4 ) ผู้ฟ้องไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายที่จะมีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดดังกล่าว เมื่อโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องในข้อหาความผิดดังกล่าว จึงต้องยกฟ้อง