งานนี้คอการเมืองเห็นปุ๊บ ก็รู้ปั๊บ ว่าเป็น "ข่าวปล่อย" เพื่อหวังผลทางการเมืองแน่นอน ส่วนจะปล่อยมาทำลายความสัมพันธ์ของพี่น้อง 3ป. หรือเพื่อ "โยนหินถามทาง" วันนี้ "ข่าวข้นคนข่าว" มีคำตอบ
ก่อนอื่นไปย้อนดูสาระสำคัญของข่าวนี้กันก่อน อ้างอิงถึงการโหวตผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 66 ด้วยจำนวนมือในสภาที่งดงาม 278 ต่อ 194 เรียกว่าปิดทางฝ่ายค้านล้มรัฐบาลด้วยกลไกสภา ข่าวใหญ่ก็ลอยมาทันทีว่า
-"บิ๊กตู่" กับ "บิ๊กป้อม" ได้พูดคุยถึงงานการเมืองในระยะต่อไปนี้
-"บิ๊กตู่" จะเข้ามาทำงานการเมืองเต็มตัว และจะสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐเพื่อดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทน"บิ๊กป้อม"
-ดัน"บิ๊กป้อม"ไปทำหน้าที่เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค
-รอจังหวะที่เหมาะสมหลังเดือน ส.ค. เพื่อให้ประเด็นวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯครบ 8 ปีของ "บิ๊กตู่" ชัดเจนเสียก่อน
-ข่าวยังระบุว่า "บิ๊กป้อม" ไปทาบทามให้ "ผู้กองธรรมนัส" กลับมาร่วมงานที่พลังประชารัฐด้วยกันอีกครั้ง หลังจากปฏิเสธมาแล้วหลายครั้ง
-ข่าวยังตอกย้ำความน่าเชื่อถืออีกด้วยว่า "แรมโบ้อีสาน" สุภรณ์ อัตถาวงศ์ และ "จั้ม" สกลธี ภัททิยกุล อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ก็ติดต่อขอกลับพลังประชารัฐ
ทีมข่าวการเมือง "เนชั่นทีวี" วิเคราะห์เอาไว้แบบนี้
1.ข่าวลักษณะนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง และมีเส้นทางเดินของข่าวคล้ายๆ กัน คือ ถูกส่ง และเปิดประเด็นจากแหล่งเดียวกัน
2.เป้าหมายของการปล่อยข่าว คือ เร่งเร้าให้ "บิ๊กตู่" ตัดสินใจอนาคตทางการเมือง ถ้าต้องการไปต่อ ก็ต้องยึดพรรคพลังประชารัฐ
3.ผลสะเทือนที่เกิดขึ้นตามมา จะด้วยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ไม่ทราบได้ คือ ข่าวความสัมพันธ์ปริร้าวของ "3ป." จนต้องออกมาปฏิเสธกันทุกครั้ง
เป็นที่น่าสังเกตุว่ามีหลายกลุ่มก้อนทางการเมืองที่รอความชัดเจนจาก "บิ๊กตู่" เพราะกลุ่มก้อนการเมืองเหล่านี้เชื่อว่า "บิ๊กตู่สู้ต่อ" และชื่อชั้นของ "พล.อ.ประยุทธ์" ยังขายได้ แต่ไม่ได้แปลว่ากลุ่มคนที่เอ่ยถึงนี้ เป็นผู้ปล่อยข่าว
1.กลุ่ม 6 รัฐมนตรี ใน ครม. และในพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งสนับสนุนนายกฯ และเบียดผู้กองธรรมนัส จนต้องออกไปตั้งพรรคใหม่ ซึ่งกลุ่มนี้ ประกอบด้วย สมศักดิ์ - อนุชา - สุริยะ - สุชาติ - สันติ - ชัยวุฒิ ประกอบกำลังกันของกลุ่มสามมิตร กลุ่มเพชรบูรณ์ กลุ่มชลบุรี และกลุ่มสิงห์บุรี
2.กลุ่มคนที่นายกฯเลือกใช้งาน แต่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี และพยายามวางตัวเข้าไปมีบทบาทในพรรคพลังประชารัฐ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เช่น พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ซึ่งมีข่าวก่อนหน้านี้ว่าลาออกจากพรรคพลังประชารัฐไปแล้ว และแว่วว่าเตรียมไปนั่งหัวหน้าพรรคใหม่ที่เป็นทางออกการเมืองให้ “บิ๊กตู่”
3.กลุ่มคนที่นายกฯเลือกใช้งาน และวางบทบาทเดินงานตั้งพรรคใหม่ เช่น เสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้ ลุยตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่สะดุดหวย ส่วน สกลธี ภัททิยกุล กับ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ที่มีข่าวเตรียมทำพรรคไทยสร้างสรรค์
4.กลุ่มพรรคการเมืองที่สนับสนุนนายกฯ และรอความชัดเจนว่าจะควบรวมกันเป็นพรรคใหม่พรรคเดียว หรือจะแยกกันเดิน รวมกันตีแบบปี 62 เช่น พรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือ รปช. ที่เปลี่ยนชื่อเป็น "รวมพลัง" มีกำนันสุเทพ อยู่เบื้องหลัง เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ ปัจจุบันพรรคนี้ร่วมรัฐบาล มี ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นหัวหน้าพรรค และเป็นรัฐมนตรี อว. อยู่ในรัฐบาลด้วย
นอกจากนั้นยังมีพรรคไทยภักดี ของ หมอวงรงค์ เดชกิจวิกรม ที่จุดยืนยังสนับสนุนนายกฯ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยพึงพอใจบทบาทของ "บิ๊กป้อม" และที่เหลือก็ยังมีพรรคไทยสร้างสรรค์ ที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างนัก กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่สะดุดจากประเด็นหวย
จะเห็นได้ว่า ข่าวปล่อยข่าวนี้ มีความน่าสนใจ เพราะอิงอยู่บนข้อเท็จจริงหลายอย่าง ทำให้ดูน่าเชื่อถือ และมีน้ำหนัก ที่สำคัญมีหลายกลุ่มก้อนทางการเมือง ที่รอความชัดเจนจาก "บิ๊กตู่" อยู่จริง และอาจเริ่มหงุดหงิดว่าทำไมยังไม่ตัดสินใจเสียที เพราะอนาคตการเมืองของ "บิ๊กตู่" ก็ผูกโยงถึงอนาคตทางการเมืองของพวกตัวเองด้วย