เปิดรายงานยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ข้อมูล ณ วันพุธที่ 8 มิถุนายน 2565
ผู้ป่วยใหม่ จำนวน 2,688 ราย จำแนกเป็น
ผู้ป่วยในประเทศ 2,688 ราย
ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ - ราย
ผู้ป่วยสะสม 2,250,432 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
-------
หายป่วยกลับบ้าน 4,130 ราย
หายป่วยสะสม 2,249,708 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
ผู้ป่วยกำลังรักษา 25,426 ราย
ยอดผู้เสียชีวิต 21 ราย
เสียชีวิตสะสม 8,541 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ
รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 708 ราย
#ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19
#ศูนย์ข้อมูลCOVID19
กรมควบคุมโรค ห่วง 20 จังหวัด ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นต่ำกว่าเป้า
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์โรคโควิด-19 ภาพรวมขาลงทั้งประเทศ มาตรการต่างๆ เริ่มผ่อนปรนเปลี่ยนผ่านโรคโควิด-19 ไปสู่โรคประจำถิ่น หนึ่งในมาตรการสำคัญคือ ประชาชนได้รับวัคซีนทั้งเข็มปกติและเข็มกระตุ้นครอบคลุมทุกกลุ่ม (Universal Vaccination) โดยแต่ละจังหวัดต้องมีความครอบคลุมของวัคซีนเข็มกระตุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 เพราะปัจจุบันมีข้อมูลวิจัยจากต่างประเทศและจากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ไทยพบว่า เมื่อฉีดวัคซีนแล้ว 4-6 เดือน ภูมิคุ้มกันจะลดลงต้องฉีดเข็มกระตุ้นจึงจะสามารถป้องกันการติดเชื้อ การป่วยหนักและเสียชีวิตได้ดี แต่จากข้อมูลวันที่ 2 มิถุนายน 2565 มีผู้ที่ครบกำหนดฉีดเข็มกระตุ้นมารับการฉีดประมาณครึ่งหนึ่งเท่านั้น
โดยพบว่า 20 จังหวัดที่ประชาชนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นได้น้อย เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรที่ถึงกำหนดรับเข็มกระตุ้นแล้ว ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี สตูล ยะลา บึงกาฬ สกลนคร หนองบัวลำภู นครศรีธรรมราช ชุมพร กระบี่ พัทลุง ตรัง เลย กาฬสินธุ์ แม่ฮ่องสอน สระแก้ว หนองคาย มุกดาหาร สุราษฎร์ธานี และจันทบุรี จึงเชิญชวนประชาชนให้มารับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันเพิ่มมากขึ้น รองรับการเปิดประเทศสามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติและมีความปลอดภัยมากขึ้น
ขอขอบคุณที่มา: สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
10 อันดับจังหวัดติดเชื้อโควิด-19 สูงสุดในวันนี้
1.กรุงเทพมหานคร ยอด 1,656 ราย
2.เพชรบูรณ์ ยอด 84 ราย
3.สระแก้ว ยอด 83 ราย
4.อุทัยธานี ยอด 79 ราย
5.อุบลราชธานี ยอด 77 ราย
6.บุรีรัมย์ ยอด 53 ราย
7.ร้อยเอ็ด ยอด 46 ราย
8.กาฬสินธุ์ ยอด 43 ราย
9.ยโสธร ยอด 38 ราย
10.สมุทรปราการ ยอด 32 ราย
.
ปิดท้ายที่ข่าวดีๆ จาก กรมอนามัย ยุติการให้บริการสายด่วน เฉพาะกิจ COVID Watch 0 2590 4111
สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2590 4000 ตามวันและเวลาราชการ
ขอขอบคุณที่มา : กรมอนามัย