svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

แพทย์ชี้การระบาดของโรคฝีดาษลิงขณะนี้ เป็นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

06 มิถุนายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

แพทย์สหรัฐฯ เปิดรายงาน การแพร่ระบาดทั่วโลกของโรคฝีดาษลิงในครั้งนี้ ถือเป็นการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงยืนยันแล้ว 780 ราย จาก 27 ประเทศ

องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยวานนี้ (5 มิ.ย.) ระบุ พบ ผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษลิง ที่ได้รับการยืนยันจากห้องแล็บแล้วจำนวน 780 ราย จาก 27 ประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ตามยังคงยืนยันว่าระดับความเสี่ยงการแพร่ระบาดในระดับโลกนั้นยังคงอยู่ในระดับ “ปานกลาง”

 

ในส่วนของรายละเอียดนั้น WHO เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิง 780 รายนับตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.จนถึงวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา และว่าอาจจะเป็นการประเมินตัวเลขที่ “ต่ำเกินไป” เนื่องจากการยืนยันทางระบาดวิทยาและการยืนยันผ่านห้องแล็บนั้นยังคงมีอยู่อย่างจำกัด นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมอีกและจะมีการแพร่ระบาดมากขึ้น 

 

ทางด้านนพ.ยง ภู่รวรรณ รายงานข่าวความคืบหน้าไว้ว่า 

แพทย์ชี้การระบาดของโรคฝีดาษลิงขณะนี้ เป็นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

6 มิถุนายน 2565 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หรือ “หมอยง” หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “Yong Poovorawan” เปิดตัวเลขผู้ป่วย ฝีดาษลิง ทั่วโลกเพิ่มขึ้น พบผู้ป่วยยืนยันเกือบพันราย พร้อมประเมินสถานการณ์ประเทศไทยไม่รอด มีผู้ติดเชื้อในเวลาอันใกล้ มีรายละเอียดดังนี้..

ฝีดาษวานร หรือ ฝีดาษลิง จำนวนผู้ป่วยทั่วโลกยังเพิ่มมากขึ้น 

ผู้ป่วยฝีดาษวานร ยังมี แนวโน้มพุ่งสูงขึ้น ขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันแล้ว 920 คน ในร่วม 30 ประเทศ โดยพบมากในประเทศอังกฤษ สเปน โปรตุเกส ในยุโรปและอเมริกา และยังมีผู้ต้องสงสัยอีกหลายร้อยรายที่รอการยืนยัน 

 

 

 

แพทย์ชี้การระบาดของโรคฝีดาษลิงขณะนี้ เป็นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

กระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวสถานการณ์โรคฝีดาษฝีดาษลิง โดย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.)

สถานการณ์ทั่วโลก ข้อมูลวันที่ 5 มิถุนายน 2565 มีรายงานใน 43 ประเทศ ผู้ป่วยยืนยัน 920 คน ข้อมูลนี้บอกว่าแม้กระจายหลายประเทศ แต่ลักษณะการระบาดไม่เร็ว ถ้าเทียบกับโควิด-19 เนื่องจากหลังมีรายงานพบการระบาดเป็นเดือน ถ้าเป็นโควิด19 จะมีผู้ติดเชื้อหลัก10ล้านคนแล้ว ส่วนใหญ่อาการไม่ค่อยรุนแรง ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต  โดยประเทศที่พบมาก อาทิ อังกฤษ สเปน โปรตุเกส แคนาดา เยอรมัน

ประเทศที่พบการแพร่ระบาดมากที่สุด คือ อังกฤษ 14 ราย สเปน 224 โปรตุเกส 143 ราย แคนาดา 87 ราย และเยอรมนี 66 ราย ฝรั่งเศส 51 ราย เนเธอแลนด์ 40 ราย สหรัฐฯ 28 ราย อิตาลี 24 ราย และประเทศอื่นๆ 

โดยนอกจากทวีปยุโรป และอเมริกาเหนือแล้ว ยังมีการพบผู้ติดเชื้อแต่ยังคงเป็นเลขหลักเดียวเช่น อาร์เจนตินา, ออสเตรเลีย, โมร็อกโก และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)

 

แพทย์ชี้การระบาดของโรคฝีดาษลิงขณะนี้ เป็นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

“ความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์และความเสี่ยงต่อสาธารณะนั้นยังคงอยู่ในระดับต่ำ แต่ความเสี่ยงจะสูงขึ้นหากไวรัสใช้โอกาสนี้ปรับตัวในประเทศที่ไม่ใช่พื้นที่ระบาดและกลายเป็นโรคที่ระบาดระหว่างคนสู่คนเป็นวงกว้าง ขณะที่ความเสี่ยงในระดับโลกนั้นยังคงอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น” รายงานของ WHO ระบุ

 

แพทย์ชี้การระบาดของโรคฝีดาษลิงขณะนี้ เป็นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

ทางด้าน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ CDC เปิดเผยว่า ในสหรัฐมีการตรวจพบผู้ป่วยหรือผู้ต้องสงสัยติดเชื้อฝีดาษลิงแล้วอย่างน้อย 20 รายใน 11 รัฐ ซึ่งรวมถึงรัฐแคลิฟอร์เนีย โคโลราโด ฟลอริดา จอร์เจีย อิลลินอยส์ แมสซาชูเซตต์ นิวยอร์ก เพนซิลเวเนีย เวอร์จิเนีย ยูทาห์ และวอชิงตัน

 

เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของสหรัฐกล่าวว่า การแพร่ระบาดไปทั่วโลกของโรคฝีดาษลิงครั้งนี้ถือเป็นการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยพวกเขาวิตกกังวลว่า ไวรัสชนิดนี้จะแพร่ระบาดเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้

 

เจ้าหน้าที่ CDC พยายามคลายความกังวลใจให้กับสาธารณชนโดยระบุว่า การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงในสหรัฐขณะนี้ มีความแตกต่างจากโรคโควิด-19 อย่างชัดเจน เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์แทบไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ในช่วงแรกที่เกิดการแพร่ระบาดและในขณะนั้นสหรัฐก็ยังไม่มีวัคซีนหรือยารักษาโรคเพื่อต่อสู้กับไวรัสโควิด แต่สำหรับฝีดาษลิงนั้น เป็นโรคที่รู้จักกันมาเนิ่นนานแล้ว อีกทั้งยังมีวัคซีนและยาพร้อมอยู่แล้ว 

ในขณะนี้ คณะบริหารภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ทำการจัดส่งวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษลิงจำนวน 1,200 โดสให้กับประชาชนที่มีความเสี่ยงสูงต่อไวรัสชนิดดังกล่าวแล้ว เพื่อป้องกันและชะลอการแพร่ระบาดครั้งใหญ่

ด้าน ดร.เจนนิเฟอร์ แมกควิสตัน รองผู้อำนวยการแผนกโรคและพยาธิวิทยา ของ CDC ระบุถึง ผลการวิเคราะห์เชื้อไวรัสฝีดาษลิงในสหรัฐอเมริกาพบว่ามี 2 สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นการสนับสนุนข้อสันนิษฐานที่ว่า มีการแพร่ระบาดในสหรัฐมาได้ระยะหนึ่งแล้วโดยที่ไม่มีการตรวจพบ และจะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ของโรคระบาดดังกล่าวภายในประเทศ และอาจพบการแพร่ระบาดในระดับชุมชนในขณะนี้

ขณะที่ดร.แองเจลา ราสมุสเซน นักไวรัสวิทยาจากมหาวิทยาลัยซัสแคตเชวัน ในแคนาดา เปิดเผยว่า ผลการวิจัยชี้ว่า การควบคุมเชื้อไวรัสทำได้ยากขึ้น เนื่องจากไม่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อที่แน่ชัด และแม้ว่าขณะนี้จะยังไม่พบผู้เสียชีวิตจากโรคนี้นอกเขตทวีปแอฟริกา แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่ผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงจะเสียชีวิตหากเป็นผู้ที่มีสุขภาพอ่อนแออยู่ก่อนแล้ว

แพทย์ชี้การระบาดของโรคฝีดาษลิงขณะนี้ เป็นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

สื่อดังต่างประเทศรายงาน ส่งตรงจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2565 ระบุว่า WHO หรือ องค์การอนามัยโลก เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์โรคฝีดาษวานร หรือฝีดาษลิง ยืนยันผู้ป่วยสะสมนอกทวีปแอฟริกาอย่างน้อย 780 คน ในอย่างน้อย 27 ประเทศ ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

 

สถิติผู้ป่วยยืนยันถือว่าเพิ่มขึ้นมากถึง 3 เท่า จากจำนวนผู้ติดเชื้อ 257 คน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากบางประเทศบ่งชี้ การพบผู้ป่วยซึ่งไม่มีความเชื่อมโยงกับผู้ติดเชื้อคนก่อนหน้า หมายความว่า การถ่ายทอดเชื้อยังคงสามารถหลุดรอดจากการตรวจคัดกรอง และการสอบสวนโรค เป็นสัญญาณว่า จะยังคงมีการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ทั้งในประเทศที่พบแล้ว และประเทศที่ยังไม่เคยพบมาก่อน

 

จากรายงานยังเผยข้อมูล ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเสี่ยง ในกลุ่ม "กลุ่มชายรักชาย" หรือกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายด้วยกัน WHO คาดการณ์ว่า เรื่องนี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่โรคฝีดาษลิง อาจแพร่เชื้อได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ แต่ในเวลาเดียวกัน ผู้สัมผัสใกล้ชิดยังคงมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับเชื้อ

 

แม้จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับการพบผู้เสียชีวิตจากโรคฝีดาษลิงนอกทวีปแอฟริกา แต่ WHO ยังย้ำอีกว่า ความเสี่ยงต่อระบบสาธารณสุข “อาจเพิ่มขึ้นในระดับสูง” หากมีการพบผู้ป่วยในประเทศที่ไม่เคยพบโรคนี้มาก่อนเพิ่มขึ้นอีก นอกจากนี้ ในรายงานยังเปิดเผยข้อมูลอีกว่า อาการของผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงนอกทวีปยุโรปหลายคน แตกต่างจากโรคฝีดาษลิงที่เป็นโรคประจำถิ่นของทวีปแอฟริกา ทั้งที่เป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดียวกัน

แพทย์ชี้การระบาดของโรคฝีดาษลิงขณะนี้ เป็นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

logoline