พายุจะทำให้ 200 ล้านคน ไร้ที่อยู่อาศัยใน 20 ปี
ฤดูเฮอร์ริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกกำลังจะเริ่มขึ้น และคาดว่าจะมีจำนวนพายุมากว่าปกติเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน และมีรายงานประเมินว่าในช่วง 20 ปีข้างหน้า จะมีประชากรรวมกว่า 200 ล้านคนทั่วโลก ไร้ที่อยู่อาศัยเพราะสภาพอากาศแปรปรวน
เชลเตอร์บ็อกซ์ องค์กรการกุศลเพื่อบรรเทาภัยพิบัติระบุว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีประชากรเฉลี่ย 11.2 ล้านคน ไร้ที่อยู่อาศัยเพราะภัยพิบัติจากพายุในแต่ละปี ซึ่งเป็นข้อมูลจากศูนย์สังเกตการณ์พลัดถิ่นภายในประเทศ และหากตัวเลขเฉลี่ยยังคงอยู่ในระดับนี้ ในช่วง 20 ปีข้างหน้า จะมีบ้านเรือนกว่า 40 ล้านหลัง ได้รับความเสียหายหรือพังย่อยยับ และประชากรกว่า 200 ล้านคนไร้ที่อยู่อาศัย
แต่ผู้บริหารเชลเตอร์บ็อกซ์แสดงความกังวลว่า ขณะนี้ยังไม่มีระบบที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับภัยพิบัติขนาดนี้ และแนะนำว่าจำเป็นต้องมีการสร้างบ้านเรือนให้รองรับหรือต้านทานต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ และมีการจัดสรรความช่วยเหลือล่วงหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ
นับตั้งแต่เชลเตอร์บ็อกซ์เริ่มก่อตั้งขึ้นในอังกฤษเมื่อปี 2543 จนถึงขณะนี้ได้ให้ความช่วยเหลือกรณีภัยพิบัติจากเฮอร์ริเคน ไต้ฝุ่น และไซโคลนมากกว่า 60 ครั้งทั่วโลก ซึ่งหนึ่งในสามเกิดขึ้นในฟิลิปปินส์
ขณะที่พยากรณ์อากาศสหรัฐฯ คาดว่าในปีนี้จะมีพายุที่มีชื่อ 21 ลูก ซึ่ง 10 ลูก อาจกลายเป็นเฮอร์ริเคน และ 3-6 ลูก อาจกลายเป็นเฮอร์ริเคนรุนแรง ในช่วงฤดูเฮอร์ริเคนระหว่างวันที่ 1 มิ.ย.-30 พ.ย. นอกจากนี้คาดว่าสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิสูงนอกฤดู และน้ำทะเลที่อุ่นกว่าปกติ เป็นปัจจัยที่จะส่งผลให้พายุไซโคลนมีกำลังแรงขึ้น และปรากฏการณ์ลานีญาจะปกคลุมตลอดฤดูเฮอร์ริเคนก็จะยิ่งมีอิทธิพลต่อสภาพอากาศมากขึ้นด้วย
