เดนิส ชมีฮัล นายกรัฐมนตรีของยูเครน เปิดเผยกับบีบีซีว่าปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ. ทำให้ถนนกว่า 25,000 กม. สะพานหลายร้อยแห่ง และสนามบิน 12 แห่งพังพินาศ นอกจากนี้สถานศึกษากว่า 100 แห่ง สถานพยาบาลกว่า 500 แห่ง และโรงงานราว 200 แห่ง พังราบหรือได้รับความเสียหาย นอกจากนี้พื้นที่กว่า 300,000 ตร.กม. ถูกวางกับระเบิดหรือมีเศษซากระเบิดกระจายเกลื่อน เขาประเมินด้วยว่าเศรษฐกิจเกือบ 35% ไม่สามารถดำเนินการได้ และผลผลิตมวลรวมภายในประเทศหรือ จีดีพีอาจสูญหายไป 30-50% รวมทั้งมียอดขาดดุลงบประมาณเดือนละ 5,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.7 แสนล้านบาท ขณะที่มีรายงานการประเมินจากหลายฝ่ายว่า มูลค่าความเสียหายโดยตรงต่อโครงสร้างพื้นฐานและเศรษฐกิจของยูเครนอาจสูงถึง 6 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 20.4 ล้านล้านบาท
ชมีฮัลเปิดเผยด้วยว่ารัฐบาลได้จัดสรรงบกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานโดยด่วนในพื้นที่ที่สามารถดำเนินการได้ และขั้นตอนที่สองจะซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น ระบบไฟฟ้าและประปา รวมไปถึงสะพานและถนน และขั้นตอนที่สามจะซ่อมสร้างประเทศครั้งใหญ่
เขาบอกด้วยว่า "เราไม่ได้แค่ต้องการก่ออิฐถือปูนขึ้นใหม่ เราต้องการสร้างประเทศใหม่" พร้อมทั้งบอกด้วยว่าจำเป็นต้องใช้งบประมาณของยูเครน ความช่วยเหลือจากนานาชาติและเงินจากรัสเซียด้วย
นายกรัฐมนตรียูเครนประกาศว่า
"เราเชื่อว่าผู้รุกรานจะต้องชดใช้ความเสียหายที่ก่อไว้ พูดให้ชัดก็คือ จ่ายด้วยทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ แล้วยึดมาให้ยูเครนเพื่อฟื้นฟูประเทศ"
ขณะเดียวกัน โอเลกซี เรซนิคอฟ รัฐมนตรีกลาโหมยูเครน เผยว่าได้รับมอบขีปนาวุธต่อต้านเรือรบ "ฮาร์ปูน" จากเดนมาร์ก และปืนใหญ่ "ฮาวอิตเซอร์" จากสหรัฐฯ และมิไคโล โปโดเลียก ที่ปรึกษาของประธานาธิบดียูเครน เรียกร้องให้ชาติตะวันตกจัดส่งอาวุธพิสัยไกลให้กับยูเครน หากต้องการให้ยูเครนชนะรัสเซีย นอกจากนี้ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวแสดงความคาดหวังว่าจะได้รับข่าวดีเรื่องการจัดสรรอาวุธจากชาติหุ้นส่วนในสัปดาห์หน้า