"อัจฉริยะ" ยื่นฟ้อง "กระติก" ให้การเท็จปมแก้ไขเวลาในภาพถ่าย

วันนี้ (26 พ.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลืออาชญากรรม เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดีกับ กระติก อิจรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ อดีตผู้จัดการส่วนตัว ของแตงโมภัทรธิดา ในข้อหาให้การเท็จ จากกรณีการแก้ไขเวลารูปถ่ายบนเรืองสปีทโบ๊ท ซึ่งเป็นพยานหลักฐานชิ้นสำคัญ ในคดีการตายของแตงโม ภัทรธิดา เพื่อให้ตำรวจกองปราบปราม ดำเนินการตรวจสอบรูปถ่ายและสอบสวนกระติก

โดยนายอัจฉริยะกล่าวว่า จากการที่ตนเองนำผู้เชี่ยวชาญของขมรมลงเรือสปีดโบ๊ทถ่ายภาพเปรียบเทียบความสูงของป้ายโฆษณากับต้นไม้ และนำไปเปรียบเทียบกับรูปถ่ายของแตงโมกับกระติก พบว่าภาพถ่ายของแตงโมกับกระติกนั้นเป็นภาพจริงไม่มีการตัดต่อแต่อย่างใด แต่ ผู้เขี่ยวชาญระบุมีความเป็นไปได้สูงที่มีการแก้เวลาถ่ายภาพ ดังนั้น จึงต้องแจ้งความเอาผิดกับกระติก และให้ตำรวจตรวจสอบภาพว่ามีการแก้ไขเวลาหารือไม่ ทั้งยืนยันว่าการดำเนินคดีในวันนี้ไม่ใช่การทำซ้ำซ้อน เพราะในสพนวนเป็นการทำลายหลักฐาน ไม่มบ่ดารให้การเท็จ

เมื่อถามว่าการแจ้งความในวันนี้เพราะมีการปะทะฝีปากกันในรายการหนึ่งเมื่อวานนี้ หรือไม่ นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ไม่มี เป็นความตั้งใจของตนอยู่แล้ว แต่ที่ถามเมื่อวานก็เพราะต้องการมั่นใจว่าใครเป็นคนถ่ายภาพ ซึ่งกระติกพลาดบอกว่าแตงโมเป็นคนถ่าย แต่ความเป็นจริงนั้นไม่ใช่ ทั้งยอมรับว่ากระติก เป็นตัวแปรสำคัญในคดีการเสียชีวิตของแตงโมอย่างมาก เพราะเป็นคนที่รู้เรื่องทั้งหมด และตนขอเวลาอีกไม่นานความจริงทุกอย่าง

และขณะนี้ทางทนายเดชา ก็เชื่อว่าเป็นคดีฆาตกรรม แต่เขาบอกว่าไม่มีหลักฐาน ซึ่งตนได้บอกว่าหลักฐานนั้นตนกำลังทำกันอยู่ และหลักฐานที่ตนมีนั้นไม่ได้รับและไม่เกี่ยวข้องกับบังแจ็คแต่อย่างใด เราหามาเองและบางส่วนมาจากพลเมืองดี พร้อมกับนี้ยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกับบังแจ็ค 1 ครั้งเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2565 ที่เขาอ้างว่าจะนำคลิปเสียงของทางตำรวจสภ. เมืองนนทบุรี ที่มีการเรียกรับเงิน ซึ่งตนไม่เชื่อว่าจะรับเงินได้อย่างไร เพราะเรื่องเกิดได้เพียงไม่นาน

เมื่อถามถึงกรณีทนายเดชาถอนตัวจากการเป็นทนายของแม่แตงโม นั้น นายอัจฉริยะ ระบุว่า ต้นไม่โทษแม่แตงโมกันที่เป็นที่ปรึกษาจะต้องทำให้เขาเข้าใจหากแม่สงสัยสิ่งใดต้องให้คำแนะนำอย่าไปปิดกั้นความคิดเห็นคนที่ว่าจ้างทำคดี จะต้องมีการรับฟังหากใช่หรือไม่นั้นจะต้องหาหลักฐานเหตุผลมาหักล้างสิ้นสงสัย ทั้งนี้แม่แตงโมมีสิทธิ์ที่จะสงสัยว่าลูกเขาถูกฆาตกรรมก็ได้

ส่วนกรณีที่กระติกมีการเล่าว่า ปอกับแตงโมทะเลาะใช้คำหยาบคายบริเวณหัวเรือ นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตอนนี้เรายังไม่เชื่อว่าคนนั้นคือพอ โยยสงสัยโรเบิร์ต และทางทีมงานกราฟฟิกกำลังตรวจสอบดูเสื้อที่สวมใส่ในวันนั้น พร้อมยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนี้มีจริง เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่มีใครเคยได้สัมภาษณ์เขาและจะเข้าโรงพยาบาลทำไมหากไม่มีเรื่องเครียดเรื่องกดดัน ทั้งยังมีบาดแผลอีกด้วย

อย่างไรก็ตามพรุ่งนี้ทางอัยการมีการนัดฟังคำสั่งทั้ง 6 คน ว่าจะมีการสั่งฟ้องหรือไม่หรือจะมีการให้เลื่อนคดีไปอีกนัดหนึ่ง เพราะตามรัฐธรรมนูญเมื่อตนร้องขอไปทางอัยการสูงสุด อาจจะให้สอบเพิ่มเติม และโดยหลักจะไม่มีการปิดกั้นในการรับฟังความคิดเห็น หากมองว่าสิ่งที่ตนร้องไปเพิ่มเติม 8 ข้อนั้นครบถ้วนหมดแล้วไม่จำเป็นที่จะต้องฟังก็สามารถสั่งคดีได้เลยและในวันพรุ่งนี้อาจจะสั่งฟ้องเลยก็ได้  และจากประสบการณ์ที่ตนทำงานมา ชุดพนักงานสอบสวนของทางภาค1 ไม่ใช่ลักษณะนี้ซึ่งรู้จักตนมา 5 ปีแล้ว สไตล์เป็นมวยเข่า วันนี้เตะอย่างเดียว เช่น มีการยึดเสื้อผ้าของผู้ต้องหาบนเรือมาตรวจ ซึ่งไม่ใช่การล้มมวยแค่สไตล์การสืบสวนไม่ใช่ลักษณะนี้

นอกจากนี้นายอัจฉริยะ ยังระบุอีกว่นี้ที่จะมีการแถลงข่าวกับทีมทนายของพรรคไทยศรีวิไลย์ของ ส.ส.เต้ เพื่อเปิดตัวเป็นที่ปรึกษาของคุณแม่คดีแตงโม เวลา11:00 น.ที่รัฐสภา ว่า วันนี้มีการติดต่อให้ตนเป็นที่ปรึกษาซึ่งต้องรอทางคุณแม่ติดต่อมาซึ่งตนยินดีที่จะร่วมงาน ซึ่งตนจะได้มีการเปิดหลักฐานให้คุณแม่ดูก่อน เพื่อทำให้แม่สิ้นสงสัยว่าเป็นการฆาตกรรม หากแม่ไม่เชื่อสนก็ไม่ทำไม่เป็นที่ปรึกษา และเดินต่อในแนวทางของตน แต่ยืนยันว่าไม่มีทนายกฤษณะเข้ามาร่วมทีมทนาย เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ มั่วไปหมดทั่วตลอด ซึ่งจะทำให้ทำงานไม่ได้ ดังนั้นข้อตกลงของตนคือจะไต้องไม่มีทนายกฤษณะ แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหากันแต่อย่างใด

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านี้คุณแม่ภนิดา ระบุจะฟ้องทนายเดชา สื่อมวลชน และอีกหลายๆคนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์คดีแตงโมจริงหรือไม่ นายอัจฉริยะก็ระบุว่า หากคุณแม่ให้ตนเป็นที่ปรึกษาคดีนี้ คุณแม่ต้องอยู่นิ่งๆเฉยๆนั่งร้องเพลงอย่างเดียวทำตัวตามสบาย ส่วนเรื่องคดีความให้ปล่อยเป็นหน้าที่ของตนและทีมทนายความ ขอให้สื่อมวลชนสบายใจได้ว่าจะไม่มีการฟ้องร้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนแม้แต่ทนายเดชา.