บิ๊กป้อม ยอมรับ เลือกตั้งกทม.แพ้กระแสนิยม ปัด 3 ป. ขัดแย้ง

24 พฤษภาคม 2565 พลเอกประวิตร ​วงษ์​สุวรรณ รองนายก​รัฐมนตรี​ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร(ส.ก.) ที่​ได้รับเลือกเข้ามาเพียง 2 คน ว่าจะมีการแก้ข้อผิดพลาดอย่างไร โดยตอบเพียงสั้นๆ ว่า​ จะไปรู้เหรอ​ ใครรู้บอกผมหน่อย​

เมื่อถามว่ามีคนโยงเป็นเพราะ​ 3​ ป.​ ไม่เด็ดขาดและมีปัญหากัน รวมถึงนายแพทย์​วรงค์​ เดช​กิจ​วิกรม ​หัวหน้า​พรรค​ไทย​ภักดี ​ยังแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้​ด้วยเช่นกัน​ พลเอกประวิตร กล่าวว่า เป็นความเห็นหมอวรงค์​คนเดียวไม่เกี่ยวกับ 3 ป. แต่เป็นเรื่องกระแสของประชาชนและเรื่องของท้องถิ่น​

ด้าน ความนิยมของ พลเอกประยุทธ์​  จันทร์​โอชา​ นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​กลาโหม ​ยังไปได้อยู่ไหม​ พลเอกประวิตร​ ระบุ​ ต้องถามสื่อมวลชน​

ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐได้ ส.ก. เพียง 2 ที่นั่ง จะสะท้อนถึงฐานเสียงและคะแนนนิยมหรือไม่  เป็นเพียงองค์ประกอบบางส่วน และขึ้นอยู่กับว่าประชาชนตัดสินใจในช่วงสถานการณ์นั้นๆ ว่าประเทศชาติจะเดินหน้าอย่างไร โดยเชื่อมั่นว่าพรรคพลังประชารัฐ และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีภาพลักษณ์ในเรื่องของความซื่อสัตย์สุจริต แม้จะถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง แต่ที่ผ่านมาต้องเจอกับหลายวิกฤต ทั้งสถานการณ์โควิดและสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤต ดังนั้น ขอให้มองภาพเป็นกลาง

“ส่วนตัวไม่ได้มองว่าการเลือกตั้ง กทม. เป็นแลนด์สไลด์ใดๆ ทั้งสิ้น อย่างการเลือกตั้งซ่อมราชบุรีที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้คะแนนท่วมท้น ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของใครมากกว่า”

เหมือนคะแนนจะเทไปที่พรรคฝ่ายค้าน ทั้งพรรคเพื่อไทยและก้าวไกล นายสุชาติ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้ ส.ก. 20 ที่เพราะไม่ได้ส่งผู้ว่าฯ แต่หากส่งผู้ว่าฯ ไม่รู้ว่าจะถึง 20 ที่หรือไม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับการวางแผนเลือกตั้งมากกว่า

นายสุชาติ ยังยินดีกับผู้ชนะการเลือกตั้ง ขอให้ทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง เพื่อประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร ปฏิบัติตามที่ได้หาเสียงไว้ เพราะคำพูดเป็นนาย หาเสียงอะไรไว้ก็ต้องทำให้ได้ ถ้าทำได้ก็จะได้คะแนนทวีคูณ ซึ่งต้องดูยาวๆ พร้อมยอมรับว่าการเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้น พรรคพลังประชารัฐต้องมีการทำการบ้าน โดยจะนำผลคะแนนการเลือกตั้งครั้งนี้มาวิเคราะห์

อย่างไรก็ตามส่วนตัวยังเชื่อมั่นศักยภาพของ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ พร้อมย้ำว่า การเลือกตั้ง กทม. กับเลือกตั้งใหญ่มีความแตกต่างกัน เพราะการเลือก ส.ส. คือการเลือกผู้แทน เลือกคนมาบริหารประเทศ และเลือกนายกรัฐมนตรี แต่การเลือกผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. คือ การเลือกคนมาบริหารท้องถิ่น แต่ยอมรับว่าต้องไม่ประมาท ส.ส.ในพรรคทุกคนต้องเน้นดูแลพื้นที่ตัวเอง

กระแสเบื่อลุงแล้วเปลี่ยนขั้วนั้น นายสุชาติ ชี้แจงว่า วันนี้คนที่รักลุงก็มีเยอะ คนกทม. หลายคนก็เสียใจ 

ส่วนประเด็น พรรคเล็กไปกินข้าวกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นเรื่องปกติ ซึ่งนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ก็ยังพูดคุยกับตนปกติ แต่ก็เป็นสิทธิ์ที่จะไปทานข้าว จะไปห้ามก็ไม่ใช่ลูกผู้ชาย และไม่กล้าที่จะก้าวล่วงเพราะไม่ใช่บริบท แต่ยังมั่นใจว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะพรรคเล็กสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ มาตั้งแต่แรก เมื่อถึงคราวที่ต้องใช้เสียงสนับสนุนก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่สนับสนุน การที่นายพิเชษฐสนิทกับหลายคนรวมถึง ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า นั้นก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะนายพิเชษฐเป็นผู้ใหญ่ น้องๆ ในวงการการเมือง อาจจะขอความรู้หรือมีการปรึกษากันบ้างเป็นเรื่องปกติ