ศึกชิงผู้ว่าฯ-ปชป.โดดเดี่ยวลุ้นโค้งสุดท้าย

เลือกตั้งท้องถิ่น กทม.หนนี้ ประชาธิปัตย์เปิดตัวอย่างครึกโครม เพราะตัว "ดร.เอ้" คือ บุคคลในข่าวที่คนไทยรู้จักกันดี ในฐานะนายกสภาวิศวกร ลงพื้นที่ตึกถล่ม หรือสาธารณภัย ช่วยเหลือผู้ประสบภัยมาอย่างต่อเนื่อง ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้าง

นอกจากนี้ ยังประสบความสำเร็จจากการบริหารองค์กรขนาดใหญ่อย่างสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. รวมถึงเป็นประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย หรือ ประธาน ทปอ.ด้วย 

ขณะที่ความพร้อมของประชาธิปัตย์ ก็คือการส่งผู้สมัคร ส.ก. ครบทั้ง 50 เขต เป็นพรรคแรก และเดิมประชาธิปัตย์ก็เป็น "เจ้าสนาม" ของการเลือกตั้ง ส.ก.ด้วย มีเพียงเลือกตั้ง ส.ส.กทม.ปี 62 ที่พลาดท่า สอบตกทุกเขต แต่ก็ยังมีคะแนนจากแฟนพันธุ์แท้อยู่ที่ 474,836 คะแนน ในช่วงเวลาที่ว่ากันว่า "ตกต่ำถึงขีดสุด" ของพรรคในสนามเมืองหลวง 

ฉะนั้นในทางการเมือง คะแนนตั้งต้นของ ดร.เอ้ คือ 474,836 คะแนน เพราะไม่มีใครเชื่อว่าประชาธิปัตย์จะได้คะแนนต่ำกว่านี้ 

แต่ทันทีที่เปิดตัว "ดร.เอ้ สุชัชวีร์" เหมือนโดนมรสุมกระหน่ำทันที แถมเป็นมรสุมหลายระลอก ทั้งเรื่องเรียนกับลูกหลานไอน์สไตน์ ลามไปที่เรื่องบัญชีทรัพย์สิน จนกระทั่งการยื่นประมูลงานต่างๆ เรียกว่าอ่วม 

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เองก็เจอมรสุมลูกใหญ่จาก "ปริญญ์ เอฟเฟกต์" จนป้อแป้ๆ เกือบคุมสถานการณ์ไม่อยู่เหมือนกัน เพราะมีคนฉวยโอกาสขยายปัญหาจากรอยร้าวภายในที่มีอยู่เดิม ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลง

ปัญหานี้กระทบกับคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน แม้จะไม่โดน ดร.เอ้ ตรงๆ แต่แบรนด์พรรคถือว่าเสียหาย ต้องรอดูว่าผลจะเป็นอย่างไร จากคะแนนเลือกตั้งในสนามผู้ว่าฯกทม. ตลอดจนจำนวน ส.ก.ที่เข้าป้าย เข้าวิน 

ซ้ำร้าย ในช่วงโค้งสุดท้าย ที่มีการสร้างกระแส "ตัดคะแนนฝั่งเดียวกัน" และ "เทคะแนนให้กัน" ทำให้ ชัชชาติ และ วิโรจน์ มีชื่อติดโผขึ้นมาในฝั่ง"เสรีนิยม" ในขณะที่ พล.ต.อ.อัศวิน กับ สกลธี ก็ขิงการนำกันในฝั่ง "อนุรักษ์นิยม" 

แต่พรรคประชาธิปัตย์กลับดูไม่มีส่วนร่วมในเกมนี้ เพราะ

จุดยืนพรรคไม่ชัดว่าอยู่ฝั่ง "อนุรักษ์นิยม" ซึ่งบทบาทการต่อต้านระบอบทักษิณ ถูกเปลี่ยนมือไปอยู่ที่อดีต กปปส. และ ตัว พล.อ.ประยุทธ์ มากกว่า คือ ประชาธิปัตย์ไม่ใช่ความหวัง หรือคู่ต่อสู้ของพรรคเครือข่ายทักษิณอีกต่อไป (หลังจากมีพลังประชารัฐ และ นายกฯลุงตู่) 

ขณะที่อีกด้าน จุดยืนของพรรคตอบไม่ได้ว่าอยู่ฝั่ง "เสรีนิยม" หรือ "ต่อต้านเผด็จการ" เพราะไปร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งต่อท่ออำนาจมาจากรัฐบาล คสช. 

หรือหากจะมองว่า ประชาธิปัตย์เป็น "ทางสายกลาง - ทางสายใหม่" ก้าวข้ามความขัดแย้ง มุ่งไปที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หรือแก้ปัญหาให้คน กทม. แต่ปรากฏว่าภาพนี้ของประชาธิปัตย์ก็ไม่ชัดเจนอีก เพราะติดภาพการแก้ไขปัญหาแบบเดิมๆ ที่เป็นภาพจำของพรรค เช่น ความเชื่องช้า แม้ภาพ ดร.เอ้ จะตัดกับภาพของพรรคตรงจุดนี้ แต่ ดร.เอ้ ก็โดนโจมตีจนไม่โดดเด่นพอที่จะกลบภาพเดิมของพรรค 

ตอนนี้ ดร.เอ้ ต้องหวังพึ่ง "คะแนนสงสาร" บวกกับ "คะแนนพื้นฐาน" ของประชาธิปัตย์ซึ่งยังไม่ชัดว่าจะเหลืออยู่อีกเท่าไหร่ โดยวันที่ 22 พ.ค.นี้ คงได้รู้กัน