บิ๊กตู่ พบไทยในสหรัฐ ยันทำงานยึดหลักไม่ขัดแย้ง ขออย่าไปฟังคนไม่มีชาติ

วันนี้ (12 พ.ค.) เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ห้อง George Washington โรงแรม St. Regis พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พบปะชุมชนไทยในสหรัฐอเมริกา โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในวันนี้เราอยู่ท่ามกลางคนไทยด้วยกัน คนไทยเรามีคติว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนคนไทยต้องรักกัน ก่อนที่จะขออนุญาตถอดหน้ากาก พร้อมกับกล่าวติดตลกว่า อาทิตย์นี้ตนถูกทะลวงจมูกประมาณ 15 ครั้ง ไป งานทุกครั้งตรวจทุกครั้งแต่มานี่เจ็บน้อยหน่อย เริ่มชินแล้ว วันนี้อยากจะมาพบอยากจะมาพูดคุย

 

สิ่งสำคัญที่สุดคือเป็นกำลังใจให้กับนายกรัฐมนตรี เพราะนายกต้องไปสู้อีกหลายการประชุมด้วยกัน จะไปร่วมพูดคุยว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยสามารถเดินไปข้างหน้าให้ได้เพราะเป็นประเทศที่ค่อนข้างมีศักยภาพในอาเซียน และทุกคนก็มองว่าประเทศไทย เป็นแกนกลางของอาเซียน เพราะมีคนมีพื้นที่มีความเจริญเติบโตต่าง ๆ ที่จะสามารถเติบโตได้เร็วขึ้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเดี๋ยวจะเปิดให้ดูว่าประเทศไทยเป็นอย่างไรตอนนี้ หลายคนอาจจะยังไม่เคยเห็นหรือเคยเห็นแล้วตนก็ไม่รู้

 

 

"สิ่งแรกที่ตนมาเจอกันวันนี้คือยินดี สิ่งที่ 2 ตนอยากฝากไว้ด้วยว่า ท่านเป็นตัวแทนของคนไทยในต่างประเทศ เพราะฉะนั้นต้องทำหน้าที่เพื่อแผ่นดินเกิดของท่าน รวมไปถึงหน้าที่ที่ 2 ที่มีหน้าที่ต่อประเทศของท่านในเวลานี้ ที่มาอยู่ที่นี่ อาจจะเป็นสัญชาติอะไรในทำนองนี้และสิ่งสำคัญคือลูกหลาน จะทำอย่างไรให้ไม่ลืมบ้านเกิดของเรา ไม่ลืมบ้านเกิดของต้นตระกูล

 

วันนี้จะเห็นว่าหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปเยอะโลกปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้ทุกอย่างวุ่นวายไปหมดการทำงานก็ไม่ได้ง่ายนักหรอก สิ่งสำคัญที่สุดคือจะต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดีในการที่จะเสพหรืออ่านเชื่อหรืออะไรก็แล้วแต่ ตนเข้ามาทำงานอยู่หลายปี ผ่านวันเวลาเหล่านั้นมาอย่างอดทน อดทนเพื่อให้ทุกอย่างมันดีขึ้น แต่สุดแล้วแต่ว่าประชาชนจะว่าอย่างไร แต่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด โดยจะต้องไม่ทุจริต ไม่แสวงหาผลประโยชน์ ไม่ทำอะไรที่ผิด นี่คือเป้าหมายของตน

 

ถามว่าผมทำเพื่อใครเพื่อประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ไม่ได้ทำเพื่อผม เพื่อตระกูลผม หรือเพื่อใครสักคนเลย ผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ต้นรับราชการมาจนเกษียณอายุราชการด้วยความภาคภูมิใจของผม และหลังจากนั้นก็กลายมาเป็นนักการเมืองโดยจำเป็น ก็สุดแล้วแต่"

 

 

 

นายกรัฐมนตรียังระบุอีกว่า ตนยินดีที่ได้เห็นหน้าทุกคนมีความสุข ก่อนที่จะกล่าวแซวว่า หากใครไม่มีความสุขให้มาบอกรัฐมนตรี มีปัญหาอะไรตรงไหนอย่างไรปัญหาบางอย่าง ก็แก้ไม่ง่ายนักหรอก เวลาพูดกับคนอื่นบางทีมันยากเหลือเกิน เวลาประชุมกันที่กรุงเทพฯ มีคณะอะไรไปเยี่ยม ใช้เวลากว่าจะตกลงกันได้ จุ๊บจิ๊บ จุ๊บจิ๊บ เรื่องมันเยอะ

 

วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปเยอะแล้วกติกาหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด แต่ทางนี้เปลี่ยนไปแล้วเราเปลี่ยนแปลงตามเร็วเกินไป บางทีเราก็ไม่พร้อม ต้องขอเวลาเขาสักนิดนึง ไม่ใช่เขาให้เปลี่ยนก็ไม่เปลี่ยนเขาให้ปรับก็ไม่ปรับ มันก็ไม่ได้แต่ต้องใช้เวลา ก็ขอเวลาเขา เขาก็โอเค วันนี้ฝากความคิดถึงของคนไทยทั้งประเทศมาให้พวกเราด้วย ซึ่งถือได้ว่าชุมชนนี้เป็นชุมชนคนไทยที่ใหญ่ที่สุดในต่างประเทศ

 

ตนขอชื่นชมใน 2 หน้าที่คือ ประกอบอาชีพของท่าน และนึกถึงบ้านเกิดของท่าน แล้วอย่าให้ลูกหลานลืมแผ่นดินเกิด และต้องเคารพกฎหมายของบ้านเมืองเขา และช่วยเขาพัฒนาประเทศของเขาไปด้วย 

 

สิ่งสำคัญที่สุดคือมีอะไรที่ดีต่อประเทศไทย ให้นำกลับไป ช่วยพัฒนาประเทศไทย เพื่อจะเอาคนที่มีความสามารถสูงกลับไปอยู่ประเทศไทย แต่ก่อนไม่ค่อยอยากไปเพราะเงินเดือนสูง วันนี้ก็มีวิธีการที่จะนำเข้าไป นอกจากการพัฒนาประเทศแล้วต้องมีการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ เราค่อนข้างจะช้ากว่าเขาไปนิดนึง ซึ่งต้องอาศัยต้นทุนจากต่างประเทศเข้าไป เข้าไปประกอบการเข้าไปลงทุน เพราะเศรษฐกิจต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน

 

 

- นายกฯ ย้ำหลักการทำงานไม่ขัดแย้งกับใคร

 

นายกรัฐมนตรียังระบุอีกว่า วันนี้ตนเดินทางมาประชุมอาเซียน - สหรัฐ (สมัยพิเศษ) หลายคนก็จับตาว่า วันนี้นายกรัฐมนตรีจะมาพูดอะไร จะไปอยู่ข้างไหนจะไปอยู่อะไรกับใคร เราจะไปอยู่ข้างใคร ก็ต้องทำให้ดีที่สุด ทำอย่างไรประเทศของเราจะไม่เสียหาย แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเคารพกติกาของเขาด้วย นั่นคือหลักการของเรา ไม่ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น ต้องว่าไปตามหลักการ

 

สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้ที่รองนายกรัฐมนตรีมาด้วย เราได้มีกำหนดการพูดคุยกับนักธุรกิจสหรัฐ เพื่อเชิญชวนให้เข้าไปลงทุนในประเทศไทย โดยตนเคยบอกไปแล้วว่าเรามีการประชุมพัฒนาอุตสาหกรรมเรา 10 ประเภทอุตสาหกรรมใหม่ 5-6 ประเภท สิ่งสำคัญคือต้องให้เขาไปลงทุนในประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้น การประชุมที่ผ่านมาไม่ใช่การประชุมแบบครบห่วงโซ่อุปทาน ทำให้เกิดปัญหาในวันนี้เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นผลิตชิ้นส่วนที่นี่ ประกอบที่นี่ ส่วนนี้เอาไปที่นี่ พอมีปัญหาขึ้นมาก็ไปต่อไม่ได้เลย แล้วจะลงทุนอย่างไรให้ครบถ้วน ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตอะไรได้บ้าง นั่นคือหลักการใหม่จะต้องทำแบบนี้เพราะนี่คือบทเรียน

 

ขณะเดียวกันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด -19 ในประเภทก็ดีขึ้น มีการติดเชื้อ ต่ำกว่า 10,000 คน มาหลายวัน เสียชีวิตต่ำกว่าร้อยมาหลายวันแล้ว พร้อมกับระบุว่าเสียชีวิตแม้แต่คนเดียวนายกรัฐมนตรีก็ไม่มีความสุขเพราะนั่นคือครอบครัว แต่ต้องไปดูว่าสาเหตุเกิดจากอะไร บางทีเกิดจากโรคประจำตัว และฉีดวัคซีนไม่ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม 608 ขอให้ระมัดระวังและฉีดวัคซีนให้ครบถ้วนดีกว่าไม่ฉีด เพราะป้องกันไม่ให้ตายหรือป่วยหนัก หลายคนก็เป็นห่วงว่าฉีดแล้วจะเป็นนู่นเป็นนี่ตนก็ฉีดมาแล้ว 4 เข็ม

 

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียอมรับว่าประเทศไทยมีผลกระทบต่อน้ำแข็งขั้วโลกละลาย อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นทุกปี ประเทศไทยมีภูมิประเทศที่ต่ำเหนือกว่าระดับน้ำทะเลไม่กี่เมตร แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ไหนเหมือนกัน เพราะฉะนั้นต้องช่วยกันว่าจะทำอย่างไร ฉะนั้น ก็มีการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานหมุนเวียนให้มากยิ่งขึ้น หน่วยงานกำลังเดินหน้าภายใต้ยุทธศาสตร์ และกรอบนโยบายของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ทุกอย่างเป็นวาระแห่งชาติทั้งหมด คือต้องทำต้องปฏิบัติ 

 

"สิ่งสำคัญที่สุดคือทำอย่างไรจะดูแลประชาชนคนไทยให้ดีที่สุดทั้งในและต่างประเทศ ถ้าในประเทศก็พอได้แต่ถ้าเป็นต่างประเทศก็ต้องเจรจากันมากหน่อย บางทีในประเทศยังเจรจากันไม่รู้เรื่องเลย เพราะว่ามีปัญหากับคน ทำไมเขาถึงเรียกว่าคนรู้หรือไม่ ทำไมเขาถึงเรียกคำว่ามนุษย์คือคน คือคนใส่ไปในหม้อ คนมั่วไปหมด คือเละไปหมด" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

ความคิดแตกต่างตนห้ามใครไม่ได้ แต่ต้องมีภูมิต้านทานในการที่จะเสพจะฟังจะเชื่อจะอ่าน ยอมรับว่าตนนั้นอ่านทั้งหมด เช้าขึ้นมาเปิดขึ้นมาด่าผมครึ่งหนึ่ง ผมก็สบายใจของผม ไม่มีอะไรด่าก็ด่าเพราะผมไม่ได้เป็นอย่างที่เขาว่า ไอ้สิ่งที่ผมทำไม่เห็นชมผมเลย ทนไม่ได้ต้องการรับคำชมเชยแต่ต้องการให้เห็นว่าประเทศไทยเจริญขึ้นมาอย่างไรและในวันนี้"

 

 

- ยืนยันค่าแรงแรงงานไทยอยู่ระดับปานกลาง

 

ขณะเดียวกันเรื่องการแก้ไขปัญหาแรงงาน ซึ่งแรงงานไทยที่ได้รับการฝึกฝีมือจะได้ราคามากกว่าค่าแรงขั้นพื้นฐาน นี่คือความยากง่ายที่ต่างกันหากเราให้มากสิ่งที่ตามมาคือโรงงานเจ๊งหมด ย้ายที่ย้ายไปอยู่ประเทศอื่นหมด แล้วจะทำอย่างไร หลายประเทศอยากอยู่ประเทศไทย คนไทยน่ารักยิ้มสยามอากาศก็ดี แต่ค่าแรงสูงบางทีก็ไปหมด เพราะรับไม่ไหว ซึ่งปัจจุบันค่าแรงของเราก็อยู่ในระดับปานกลาง แต่ก็สูงกว่าหลายประเทศอยู่เหมือนกัน

 

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังระบุว่ารัฐบาลชุดนี้แก้ไขกฎหมายไปแล้วก็ 139 ฉบับ และมีอีกเป็นร้อยฉบับที่ต้องแก้ ซึ่งต้องเข้าสภากว่าจะเข้าได้กว่าจะออกมาได้ นานพอสมควรเพราะมัวทะเลาะกับเรื่องอื่นอยู่ อันนี้คือไทยไทยตนเล่าให้ฟัง ผมอยู่มาหลายปี นี่คือความน่ารักของประเทศไทย ไม่เหมือนที่อื่นเขาหรอก เดี๋ยวก็เลิกกัน ได้แสดงอารมณ์กันนิดหน่อย แต่ตนก็พยายามจะไม่มีอารมณ์ร่วมกับเขา ไม่โกรธ ไม่งอนก็ไม่ใช่เรื่อง

 

ส่วนการแก้ไข สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด -19 วันนี้ประเทศไทยได้รับความชื่นชม แต่ได้รับความชื่นชมตนไม่ค่อยได้เกียรติ ได้รับความชื่นชมว่าประเทศไทยสามารถบริหารจัดการสถานการณ์ได้ลำดับต้นๆของโลก บางอย่างระดับ 1 ของโลก แต่ในประเทศด่า ผมเรื่อยด่าทุกวัน ด่าว่าผมไม่ห้ามนู่นห้ามนี่ ถ้าผมไม่กำกับดูแลไม่กำหนดจะปลอดภัยหรือ จะลดยอดการติดเชื้อจาก 20,000 เหลือ 10,000 ได้หรือไม่ สมัยแรก ๆ ขึ้นมาวันละหลายหมื่น พอได้วัคซีนมาอะไรมาปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ ลำบากหน่อยใส่หน้ากากนิดนึง เว้นระยะห่างหน่อยหนึ่ง ซึ่งก็ไปตรวจไม่ได้ทั้งหมด แต่พอเข้าไปตรวจก็หาว่าเข้มงวดเกินไปอะไรทำนองนี้ นี่คือมนุษย์ คือคน ก็แล้วแต่

 

แต่วันนี้ทุกคนก็ร่วมมือกันมากขึ้น และประเทศไทยก็เปิดประเทศแล้ว Test and Go /sandbox ก็เริ่มเปิดมาและหลายประเทศก็นำไปเป็นตัวอย่าง ตอนแรกก็ปล่อยทางอากาศ ต่อมาก็ปล่อยภาคพื้นดินทางน้ำ แต่อย่าว่ายน้ำข้ามมาก็แล้วกัน จะได้รู้ว่าใครมาใครเข้าใครออก จะอยู่กี่วันถ้าอยู่หลายวันก็ต้องมีกฎระเบียบหน่อย หากอยู่วันสองวันก็โอเคมีการผ่อนผันใช้พาสปอร์ตใช้วัคซีน

 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์สาธารณสุขทุกภาคส่วน ไม่มีอะไรที่คนพอใจหรอก แต่ทำให้มากที่สุดให้ดีที่สุด นั่นคือนโยบายของตน ซึ่งตนก็รวบรวมเอง หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมนายกต้องประกาศเองนายกไม่ใช่หมอ แต่นายกเป็นผู้บริหาร เอาตรงนู้นตรงนี้มา ถ้าให้หมอทำคนเดียวเขาทำไม่ได้ทั้งหมด เพราะเขาสั่งทหารไม่ได้ สั่งเจ้าหน้าที่มหาดไทยไม่ได้ พอทนบูรณาการตรงนี้ก็หาว่าเผด็จการไปอีก ทุกประเทศเขาทำแบบนี้หมด อยากจะบอกว่าเขาเรียนแบบตนด้วยซ้ำไป วันนี้ตนห่วงอย่างเดียวว่าอย่าให้เกิดการแพร่ระบาดขึ้นมาอีกรอบก็แล้วกัน

 

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า เราต้องเป็นผู้ประกอบการ นักธุรกิจและพลเมืองของเขา แต่ท่านต้องมีความเป็นคนไทย เป็นมิตรที่ดีเป็นทูตทางวัฒนธรรมของคนไทย เป็นสยามเมืองยิ้ม เป็นที่ชื่นชอบของเขา ประเทศไทยมี Soft Power สิ่งที่มีตอนนี้ก็หายไปนิดนึงเพราะใส่หน้ากาก ยิ้มแล้วมองเห็นสยาม ยิ้มด้วยปากยิ้มด้วยตายิ้มด้วยใจ ตอนนี้ใส่หน้ากากก็ยิ้มด้วยตา คนเราเวลายิ้มออกทางสายตาได้ ถ้าไม่ชอบขี้หน้าก็มองออก นอกจากนี้มวยไทยมีปัญหาอยู่นิดเดียวคืออันตราย พี่เขายังไม่อยากเอาเราเข้าไปตรงนู้นตรงนี้ เขากลัวอะไรรู้หรือไม่ เขากลัวคนไทยศอก เพราะศอกแล้วตายตาบอด เขากลัวต่อคนไทย อยู่บ้านสามีก็กลัวภรรยาศอก ใครศอกใครก็ไม่รู้

 

- นายกฯ ไม่หวั่นถูกไล่ขออย่าฟังคนไม่มีประเทศ

 

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการจัดงานประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนพฤศจิกายนนี้ อยากให้คนไทยเป็นเจ้าบ้านที่ดี โดยยอมรับว่าห่วงเรื่องความรักความสามัคคี และจะเอาไปชมที่เมืองไทยด้วย ว่าต่างประเทศเขาน่ารักนั่งกันเรียบร้อย ยิ้มหวานนิ่ง ก่อนที่จะกล่าวติดตลกว่า โห กรุงเทพฯพร้อมตีกันทั้งวัน คือฟังวิทยุ อ่านแบก็โมโหแล้ว เพราะไม่ใช่เรื่องจริงทั้งนั้น นี่คือปัญหาที่ทุกประเทศเจอทั้งหมด ถามทุกประเทศแล้ว เพราะนี่คือช่องทางสื่อสารใหม่ที่

 

ใครก็เป็นนักข่าวได้เป็น ตำรวจได้ เป็นอะไรก็ได้หมดเลย แสดงความคิดเห็นไม่ได้ทั้งหมด แล้วคนก็เชื่อตามไป คนทำงานแทบตายผิดหมด เราต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดี ยอมรับว่าคนไม่ดีก็มีนายกก็ปลดทิ้งไล่ออกไปเยอะแล้ว มันก็ต้องมีทุกคนคนดีคนชั่ว ไม่ดีก็ไม่เอาไว้ ถ้าตราบใดถ้าผู้นำเรา ไม่ทุจริต ทำได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นนายกฯ ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ใครจะว่า ใครจะไล่ ไล่ได้ก็ไล่ไป แต่ที่อยู่วันนี้ต้องการทำให้ดีที่สุด

 

โดยช่วงหนึ่งนายกรัฐมนตรีได้สอบถามประชาชนว่าได้กลับไปเยี่ยมประเทศไทยบ้างหรือไม่ ลืมทางเข้าบ้านแล้วหรือยัง อย่าลืมแผ่นดินที่โน่นคือแผ่นดินเกิด แผ่นดินที่นี่คือแผ่นดินหากิน แล้ววันหน้าจะอยู่ไหนก็เรื่องของท่าน ลูกหลานตนเคยเจอเด็ก ๆ ที่กลับไป ไปเยี่ยมเมืองไทย พูดไทยได้รำไทยได้อย่างน้อยเขาก็ไม่ลืมชาติกำเนิด ทุกประเทศเขาปลูกฝังอย่างนี้มาทั้งสิ้น อย่าไปฟังไอ้พวกไม่มีชาติ หลายคนบอกไม่ต้องมี มันไม่ได้ ทุกคนก็รู้อยู่ ตนไม่ทะเลาะกับเขา

 

รายงานระบุว่า ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มีชาวไทยอาศัยอยู่ประมาณ 316,000 คน (ข้อมูลตาม U.S. Census 2020) ซึ่งถือเป็นชุมชนไทยในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และภาคตะวันตกของสหรัฐฯ โดยกรุงวอชิงตันและบริเวณรัฐใกล้เคียง (แมริแลนด์ และเวอร์จิเนีย) มีชาวไทยอาศัยอยู่รวมประมาณ 21,400 คน