"จิ๊บ ศศิกานต์" หลั่งน้ำตาเศร้า ขออาสาดูแลคนพิการให้ใช้ชีวิตได้สะดวก

น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ หรือ จิ๊บ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 16 ลงพื้นที่โรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ และมูลนิธิ​อนุ​เคราะห์​คนหูหนวก​ ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนคนหูหนวกแห่งแรกของประเทศไทย โดย น.ส.ศศิกานต์ ระบุว่าปัญหาของผู้พิการทางร่างกาย ไม่ใช่เฉพาะแต่คนหูหนวก มักจะประสบปัญหาในการใช้ชีวิต เช่น การขึ้นรถเมล์ และแท็กซี่ เนื่องจากรถเมล์ขับเร็ว และอันตราย รวมไปถึงไม่สามารถสื่อสารกับกระเป๋ารถเมล์ได้อย่างเข้าใจ ส่งผลมีความลำบากในการเดินทาง ซึ่ง ผู้ว่า กทม.คนใหม่ จะต้องเร่งดำเนินการรถแท็กซี่เพื่อคนพิการ การตั้งสัญญาณข้ามไฟจราจร การปรับปรุงทางเท้าสำหรับคนพิการ

"การเดินทางในกรุงเทพฯ ไม่เท่าเทียมและปลอดภัยสำหรับผู้พิการ แม้ว่าจะมีทางเลือกมากกว่าการเดินทางในต่างจังหวัดก็ตาม แต่ถ้าไม่มีรถเมล์ชานต่ำ ก็ต้องเลือกใช้บริการแท็กซี่ แต่พื้นที่สาธารณะต่างๆ ก็เข้าถึงได้ยาก การใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ จึงมีความเหลื่อมล้ำสำหรับผู้พิการ เพราะถูกออกแบบมาให้คนปกติใช้ได้เท่านั้น การเข้าถึงขนส่งสาธารณะที่ควรเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐจัดบริการให้คนพิการ"น.ส.ศศิกานต์ กล่าว

น.ส.ศศิกานต์ ยังกล่าวต่อว่า กรุงเทพฯถูกมองว่า เป็นเมืองที่ขยายและพัฒนาเร็วมาก มีความเจริญเพิ่มขึ้น แต่โครงสร้างพื้นฐานกลับไม่เข้าถึงคนทุกกลุ่ม ซึ่งคนพิการเองก็ต้องการสิทธิขั้นพื้นฐานในการใช้ชีวิตไม่ต่างไปจากคนปกติ นี่จึงเป็นความเหลื่อมล้ำอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น ถ้าตนได้เข้าไปดูแลชีวิตของคนกรุงเทพฯ จะต้องมีการพัฒนาศักยภาพของคนพิการ ทั้งในด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพ ส่งเสริมและฝึกอบรมอาชีพ การสนับสนุนด้านการศึกษา และผลักดันให้คนพิการมีส่วนร่วมในสังคม ซึ่งจะช่วยให้คนพิการมีโอกาสและมีความเสมอภาคเท่าเทียมกับบุคคลทั่วไปไม่ใช่เหมือนเป็นพลเมืองชั้นสอง

"จิ๊บมองว่าเด็กพิการที่เกิดมา ยังมีโอกาสที่สามารถมีชีวิตที่ดี ไม่แตกต่างจากคนที่ครบ 32 เพราะฉะนั้น จิ๊บต้องการให้เด็กพิการสามารถเรียนร่วมกับโรงเรียนปกติทั่วไปสังกัด กทม.ได้ เพราะจะได้เป็นการเปิดโอกาส รวมถึงจะได้สอนให้เด็กปกติ และเด็กพิการสามารถอยู่ร่วมกัน และยอมรับซึ่งกันและได้ ส่วนครูอาจารย์ที่สอน กทม.ก็สามารถฝึกอบรมได้ทันที เพราะมีหลายหน่วยงานที่พร้อมจะหยิบยื่น บูรณาการในการช่วยเหลือผู้พิการ และที่สำคัญจิ๊บตั้งใจจะขยายศูนย์ดูแล พัฒนาศักยภาพ ของคนพิการทั่ว กทม."น.ส.ศศิกานต์ กล่าว