เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 พ.ค.2565 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่บ้านเลขที่ 79 บ้านโนนสะอาด หมู่ 1 ต.โนนสะอาด อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของนายทองทิพย์ หนันลา อายุ 62 ปี น้องชายของฤาษีทวี หนันลา อายุ 74 ปี เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมที่ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ หรือที่ลูกศิษย์เรียกว่าพระบิดา โดยยังคงไม่พบตัวนายทวี หลังจากที่ได้รับการประกันตัวชั่วคราวจากศาลจังหวัดภูเขียว
ซึ่งผู้สื่อข่าวพูดคุยกับ นายทองทิพย์ น้องชายฤาษีทวีอีกครั้ง ถึงกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งนายทองทิพย์ น้องชายยังยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่าไม่ได้เจอกันตั้งแต่หลังจากที่ประกันตัวออกมา และไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด หรือไปอยู่กับลูกศิษย์คนไหน เพราะพี่ชายเป็นคนเด็ดเดี่ยวเหมือนตนเอง เชื่อว่าถ้าไม่อยู่กับลูกศิษย์ก็คงอยู่ในป่าหรือตามถ้ำต่างๆ ตามนิสัยของฤาษี ในส่วนของโทษนั้นหากต้องติดคุกเชื่อว่ายังไงก็ต้องกลับมารับโทษตามกฎหมาย ซึ่งก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย แต่หากโทษไม่ถึงขั้นที่จะต้องติดคุก เชื่อว่ายังไงก็ไม่กลับมาที่บ้าน คงไปอยู่อาศัยในถ้ำเหมือนเดิม โดยมีลูกศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธาติดตามไป นอกจากนี้หลังจากเกิดเรื่องราวดังกล่าวขึ้น ครอบครัวก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรเพราะไม่ได้เกี่ยวกับทางคดี ชาวบ้านทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็ไม่ได้มีใครมาถามเกี่ยวกับตัวฤาษีทวี อาจจะเพราะเกรงใจไม่กล้าถามก็ได้ เพราะส่วนใหญ่ก็คงจะทราบรายละเอียดต่างๆจากข่าวแล้ว
และในเรื่องของข้าวเกรียบ กับ แจ่วบองนั้น เมื่อก่อนตนเองยังไม่เคยเห็นแจ่วบอง เห็นเพียงข้าวเกรียบ แต่เป็นการซื้อวัตถุดิบข้าวเกรียบแห้งจากที่อื่นมาทอดบรรจุใส่ถุงขาย ไม่ได้ทำขึ้นเอง ส่วนแจ่วบองนั้นเพิ่งจะเห็นจากข่าวเมื่อคืน เมื่อก่อนไม่เห็น อีกทั้งเมื่อก่อนตรงโรงครัวที่มีการถ่ายภาพออกข่าวที่มีโอ่งเรียงรายกันเยอะๆนั้น ซึ่งมีโอ่งอยู่หนึ่งใบเป็นที่เก็บขยะเปียก แต่มาเห็นในข่าวบอกว่าเป็นโอสถเป็นน้ำที่ให้ลูกศิษย์กิน ในประเด็นนี้ตนเองก็ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่จริง แต่ตั้งข้อสงสัยว่า บริเวณนี้มีรอยเท้าคนเข้าไปหรือไม่ แล้วพอมีข่าวออกมาใครให้ข้อมูลหรือพากันไปวิเคราะห์เอาเอง
นายทองทิพย์บอกอีกว่า ตอนนี้ห่วงในเรื่องของลูกศิษย์ที่ติดตามพระบิดา มีคนหนึ่งที่มาตั้งแต่ตอนอายุ 5 ขวบ มากับพ่อที่ป่วยเป็นพิษสุราเรื้อรังและเสียชีวิต กลับไปจะมีที่อยู่หรือไม่ บ้านยังอยู่เป็นหลังอยู่หรือเปล่า หรือมีญาติต้อนรับไหม หรือกลับไปแล้วไม่มีใครต้อนรับกลายเป็นปัญหาครอบครัว เพราะผู้หญิงคนนี้ยังไงก็ยืนยันจะตามพระบิดาไปทุกที่ อยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลปัญหาเรื่องนี้ด้วย ไม่ใช่ว่าใครจะกลับบ้านก็จะจัดรถรับส่งเพียงอย่างเดียวอยากให้ลงไปดูปัญหาสภาพความเป็นอยู่หลังจากนี้ด้วย
ในส่วนของหมอปลานั้น คือไม่มีทักษะ ก่อนจะเข้าไปควรมีการตรวจเช็กก่อนว่ามีใครอยู่บ้างผู้หญิงหรือผู้ชาย เมื่อรู้และเข้าไปก็ควรตรวจ ATK สแกนวัดอุณหภูมิ คัดกรองคนที่ละส่วนๆ แต่ที่ทำกันคือเดินมั่วเข้าไป หมอปลาพาไปไหนก็ไป วันที่ตนเองไปล่าสุดนั้นบอกเลยว่า ติ๊งต๊องทั้งผัวทั้งเมีย เมียชูนิ้วกลางทั้งวันให้กับยายลำไย ตนเองมองว่ามันติ๊งต๊อง ชอบแต่ความรุนแรงยั่วยุให้คนเสียสมาธิ แล้วหาเรื่อง แต่สำหรับตนเองแล้วหาเรื่องไม่ได้ เจอตนเองโต้กลับจนเมียต้องลากหนีไปก่อน ไม่งั้นก็คงจะได้มีเรื่องกันยาว มองว่าวิธีการนี้ไม่ฉลาด อยากให้เปลี่ยนวิธีการเข้าใหม่ ใช้การประณีประนอมแทนการใช้ความรุนแรง คือถ้าเจอปัญหาก็หาแนวทางแก้ไขจะดีกว่า
อีกเรื่องคือเรื่องโควิด รู้ว่าเขาไม่มีการป้องกันเรื่องโควิดก็ไปด่าเขาเฉย ทำไมไม่หาหน้ากากมาให้ใส่ หรือหาที่ตรวจวัดอุณหภูมิมาวัด ว่ามีไข้หรือเปล่า ทำไมไม่ประสานหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ หรือ อสม.ในหมู่บ้านมาช่วย ดูแล้วการทลายอ่อนมาก ฝากอีกครั้งหากจะเข้าทลายที่ใดๆก็ควรเข้าทลายด้วยความเป็นธรรม และจิตใจอ่อนโยนด้วย ไม่ใช่หาแนวทางเอาชนะอย่างเดียว จากเมื่อก่อนที่ตนเองเคยศรัทธาเคยชอบตอนที่เป็นมือปราบสัมภเวสี แต่ตอนนี้บอกตรงๆว่าเดินผ่านก็ไม่อยากจะมองหน้า มอซอยิ่งกว่าอะไรดี บอกว่าตรงนี้สกปรก แต่ตัวเองใส่รองเท้าแตะเท้าดำ การป้องกันตัวเองยังไม่มีเลย มีดีแต่คำพูดกับค่านิยมของคนเท่านั้น พอมาใช้แนวทางนี้มองแล้วไม่เป็นงานเลยแม้แต่น้อย