10 พฤษภาคม 2565 นายสุชาติ อุสาหะ ส.ส.เพชรบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยกรรมาธิการ แถลงภายหลังการประชุมของคณะกรรมาธิการที่ใช้เวลาพิจารณาร่วม 2 ชั่วโมง ว่า ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมชี้แจงและให้ข้อมูลกรณีอดีตพระกาโตะ และ สีกาตอง ที่เกิดขึ้นที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ประกอบด้วย ผู้แทนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และผู้แทนจากกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
นายสุชาติ กล่าวว่า ในการประชุมของคณะกรรมาธิการครั้งนี้ เป็นการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่และอำนาจตามกฏหมายในกรณีอดีตพระกาโตะเข้าชี้แจง ทั้งข้อกฎหมาย กฎกระทรวง และกฎเถรสมาคม จนท้ายที่สุดได้ข้อสรุปทั้งด้านกฎหมาย และแนวทางว่าจะดำเนินการในกรณีดังกล่าวต่อไปอย่างไร
ส่วนกรณีของอดีตพระกาโตะที่ปาราชิกแล้วจะกลับมาบวชใหม่ได้หรือไม่ ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ชี้แจงว่า ขณะนี้ทางสำนักพุทธฯ ยังไม่มีฐานข้อมูลที่ปรับเป็นปัจจุบันของวัดและสำนักสงฆ์กว่า 42,000 แห่ง และข้อมูลของพระภิกษุสงฆ์กว่า 250,000 รูป ดังนั้นการยืนยันตัวบุคคลจึงยังไม่อัปเดต ดังนั้นหากเกิดกรณีอดีตพระสงฆ์ที่ปาราชิก กลับมาบวชใหม่ จึงไม่สามารถรับทราบได้เพราะไม่มีข้อมูลที่อัปเดต
สำหรับเรื่องการเปิดบัญชีของวัดเพ็ญญาติ ได้มีการตรวจสอบแล้ว เป็นการเปิดบัญชีที่ถูกต้องตามกฏหมาย แต่ในส่วนของผู้มีอำนาจเบิกจ่ายเงินในบัญชีพบว่า ไม่เป็นไปตามระเบียบ เนื่องจากรายชื่อผู้เบิกจ่ายเงินวัดที่ผ่านมา ไม่ใช่รักษาการเจ้าอาวาส หรือไวยาวัจกร ซึ่งประเด็นนี้ตำรวจ และเจ้าพนักงานตามกฎหมายพิจารณาสืบสวนต่อไปว่า เงินที่เบิกจ่ายไม่เป็นไปตามกฎหมายจะเป็นอย่างไรต่อ
ทั้งนี้ ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ ยืนยันว่า จากการสืบสวนเบื้องต้น อดีตพระกาโตะ ได้เบิกจ่ายเงินออกจากวัดมากกว่า 6 แสนบาท ตามที่เปิดเผยต่อสื่อมวลชนก่อนหน้านี้ จากการตรวจสอบพบว่า ตัวเลขเบิกจ่ายเงินเฉพาะเดือนเมษายนนั้นก็มากกว่า 6 แสนบาท โดยตัวเลขที่ชัดเจนยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ทางกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ จะเดินหน้าตรวจสอบต่อไป
กรณีนี้จะเข้าข่ายการยักยอกทรัพย์ ซึ่งรวมถึงผู้เกี่ยวข้องกับอดีตพระกาโตะในฝ่ายต่างๆ ด้วย หลังจากนี้เมื่อพระสงฆ์ปาราชิกแล้ว จะไม่เพียงสึกอย่างเดียว จะมีโทษทางอาญาทั้งอดีตพระและสีกาที่ทำผิดด้วย ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา ที่อยู่ระหว่างการยกร่างพระราชบัญญัติของคณะกรรมาธิการ โดยมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปีและปรับสูงสุด 100,000 บาท