ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจราคาจำหน่ายก๊าซหุงต้ม และร้านอาหารตามสั่ง ในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เงินเฟ้อ ค่าครองชีพสูง สินค้าอุปโภค-บริโภคขึ้นราคา และน้ำมันเชื้อเพลิงปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น จนทำให้ประชาชน รวมถึง ผู้ประกอบการ-ร้านค้า ได้รับผลกระทบเดือดร้อนกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะร้านจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) หรือ ก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน อย่างเช่น ร้านโชว์แก๊ส ถนนพิบูลละเอียด ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา นายบัณฑิต ริยะจันทร์ อายุ 53 ปี เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า ปัญหาที่ทางร้านกำลังประสบอยู่ในขณะนี้ คือเรื่องยอดขายที่ลดลง เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าขาประจำ ขาจรจะนานๆ มาที ซึ่งลูกค้าขาประจำจะมีทั้งร้านขายอาหารและลูกค้าตามบ้าน ที่ตอนนี้ไม่ค่อยจะมีรายได้ หรือมีรายได้ลดลง กลุ่มลูกค้าที่เป็นร้านจำหน่ายอาหารปรุงสุก จึงลดปริมาณการขายอาหารลง จึงใช้แก๊สหุงต้มน้อยลงด้วย
ในขณะที่ลูกค้าตามบ้าน เมื่อวัตถุดิบต่างๆขึ้นราคา ทำให้หันมาเลือกซื้ออาหารสำเร็จรูปหรืออาหารถุงไปรับประทาน แทนการประกอบอาหารทานเอง จึงไม่ค่อยใช้ก๊าซหุงต้ม ยอดจำหน่ายก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน จึงลดลงกว่า 40-50 % เลยทีเดียวตั้งแต่โควิดระบาดเป็นต้นมา ซึ่งลูกค้าก็มักจะบ่นว่าปรับราคาบ่อย ยิ่งรัฐบาลประกาศว่าจะขึ้นราคาก๊าซหุงต้มอีกแบบขั้นบันได ทางร้านจึงต้องรีบแจ้งลูกค้าให้ทราบไว้ล่วงหน้า เกรงจะไม่เข้าใจ จนเลิกใช้บริการกับทางร้านไป นอกจากนี้ ยังประสบปัญหาเรื่องโรงบรรจุก๊าซมาทำการตลาด ขายก๊าซหุงต้มเอง และมาตัดราคาส่งในราคาที่ต่ำกว่า มาแย่งลูกค้ากันเอง เหมือนมาแบ่งส่วนการตลาด-แบ่งเค้กก้อนเดียวกัน ใครช้อนใหญ่กว่าก็จะตักกินได้มากกว่านั่นเอง ทำให้ร้านปรับตัวได้ยาก แต่ก็ต้องพยายามปรับตัวเพื่อความอยู่รอด โดยเน้นไปที่การบริการและความซื่อสัตย์ เพื่อให้ลูกค้าเชื่อมั่นและประทับใจ
ด้านนางธนวรรณ ขุนแพ้ หรือป้าอ้วน อายุ 65 ปี เจ้าของร้าน “อ้วนว้าว..กะเพรา อาหารตามสั่ง” บอกว่า ได้รับผลกระทบตามๆกัน เพราะก๊าซหุงต้มก็ขึ้นราคามาตั้งแต่ 1 เมษายน 2565 และทราบว่าจะมีการปรับราคาขึ้นอีก ส่วนวัตถุดิบต่างๆที่นำมาทำอาหารขาย ก็ขึ้นราคาด้วย ทั้งหมู ไก่ ไข่ น้ำมันพืช และอีกหลายตัวปรับขึ้นราคา แต่ทางร้านยังจำเป็นต้องซื้อ เพราะขายอาหารตามสั่งเป็นอาชีพ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนราคาอาหารยังขายในราคาเดิม ข้าวกะเพราหมู-ไก่ กล่องละ 40 บาท ถ้าเป็นหมูกรอบ-ทะเล-เนื้อ จะอยู่ที่กล่องละ 50-60 บาท ยังไม่ขึ้นราคา แม้ว่าวัตถุดิบ-ต้นทุนจะเพิ่มขึ้นก็ตาม เพราะลูกค้าก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน ขายแค่พออยู่ได้ อยากให้มา 5 นาที 10 นาที ลูกค้ามาอุดหนุนเรื่อยๆ จะดีกว่า ถ้าขายแพงๆ ลูกค้าก็ไม่ไหว พากันหนีหมด ส่วนแม่ค้าก็จะมานั่งเฝ้าร้าน มองหน้ากันเปล่าๆ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าขาประจำทั้งในตัวจังหวัดและต่างอำเภอ เพราะมีบริการทำข้าวกล่องนอกสถานที่ด้วย สภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ก็เห็นใจลูกค้า จึงอยากให้ลูกค้าได้ทานอิ่มในราคาเดิมๆ เพราะ “ลูกค้าอยู่ได้ ทางร้านค้าก็อยู่ได้”
ภาพ/ข่าว : ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ สำนักข่าวเนชั่น จ.นครราชสีมา