svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ธปท.ชี้ 'โอมิครอน' ไม่กระทบ-คาดส่งออกไทยโต 7%

18 เมษายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เมื่อปลายเดือนมี.ค. 65 ได้มีการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทย และอัตราเงินเฟ้อสำหรับปี 65 และ 66 โดยปรับลดประมาณการลง ซึ่งการปรับ GDP ลดลงจากเดิมนั้นเป็นผลมาจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน เป็นสำคัญ

ธปท.ชี้ 'โอมิครอน' ไม่กระทบ-คาดส่งออกไทยโต 7%

นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงาน Analyst Meeting ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยและเงินเฟ้อว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ล่าสุด เมื่อปลายเดือนมี.ค. 65 ได้มีการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทย และอัตราเงินเฟ้อสำหรับปี 65 และ 66 โดยปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 65 และ 66 ลงเหลือ 3.4% และ 4.7% ตามลำดับ และปรับเพิ่มประมาณการอัตราเงินเฟ้อ ในปี 65 และ 66 เพิ่มเป็น 4.9% และ 1.7% ตามลำดับ ซึ่งการปรับ GDP ลดลงจากเดิมนั้นเป็นผลมาจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน เป็นสำคัญ

ธปท.ชี้ 'โอมิครอน' ไม่กระทบ-คาดส่งออกไทยโต 7%

โดยมองว่า ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยที่ชะลอตัวลง รวมทั้งมีผลกรทบต่อราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่งผ่านมายังต้นทุนสินค้า ค่าครองชีพ และกำลังซื้อในประเทศ โดยกระทบกับค่าครองชีพภาคครัวเรือน ต้นทุนภาคธุรกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง เช่น ครัวเรือนที่มีรายได้น้อย และมีหนี้สูง

อย่างไรก็ดี ผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผ่านมาทางช่องทางการค้าและตลาดการเงินยังมีจำกัด เนื่องจากไทยส่งออกไปรัสเซีย ในสัดส่วนน้อยเพียง 0.4% นอกจากนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียนยังมีสัดส่วนน้อยเพียง 4% ของจำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมในช่วงก่อนการระบาดของโควิด ประกอบกับเสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยยังมีความเข้มแข็ง

ในขณะที่การระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ไม่ได้กระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศมากเท่ากับระลอกการระบาดของสายพันธุ์เดลตา จึงทำให้เชื่อว่าภาครัฐจะไม่ออกมาตรการควบคุมที่เข้มงวดมาก และมีการผ่อนคลายมาตรการเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ไตรมาส 1/65

ธปท.ชี้ 'โอมิครอน' ไม่กระทบ-คาดส่งออกไทยโต 7%

ดังนั้น จึงประมาณการว่าในปี 65 นี้ มูลค่าการส่งออกของไทยยังสามารถขยายตัวได้ 7% ส่วนปี 66 ขยายตัวได้ 1.5% ในขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 65 จะอยู่ที่ราว 5.6 ล้านคน ส่วนปี 66 อยู่ที่ราว 19 ล้านคน

อย่างไรก็ดี การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นในระยะสั้น โดยปัจจัยที่อาจทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่ากรณีฐาน มาจาก 1. ปัญหา global supply disruption อาจรุนแรงกว่าที่คาด 2. ผลกระทบจากค่าครองชีพที่อาจสูงขึ้นมาก จนกระทบต่อการบริโภคภาคเอกชน 3. การระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ แต่ยังพอจะมีปัจจัยที่อาจทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้สูงกว่ากรณีฐาน คือ การใช้จ่ายของภาคเอกชนที่เพิ่มมากขึ้นหลังจากที่ชะลอการใช้จ่ายไปในช่วงก่อนหน้า (pent-up demand)

โดยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะสามารถกลับไปขยายตัวได้ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของไวรัสโควิดได้ในราวครึ่งหลังของปี 66 เป็นต้นไป

ธปท.ชี้ 'โอมิครอน' ไม่กระทบ-คาดส่งออกไทยโต 7%

นายสักกะภพ กล่าวด้วยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 65 จะยังอยู่สูงกว่ากรอบเป้าหมาย และอาจสูงเกินกว่าระดับ 5% ในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ของปีนี้ เนื่องจากผลของราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้นมาก และการส่งผ่านต้นทุนในหมวดอาหารเป็นหลัก แต่ทั้งนี้ ผลดังกล่าวจะทยอยลดลง และทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลงเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-3% ได้ในปี 66

อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่ทำให้อัตราเงินเฟ้ออาจสูงกว่ากรณีฐาน มาจากปัญหา global supply disruption อาจรุนแรงกว่าที่คาด และผู้ประกอบการ ผู้ผลิตสินค้า อาจส่งผ่านต้นทุนไปยังผู้บริโภคมากกว่าที่ประเมินไว้ ขณะที่ปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้ออาจต่ำกว่ากรณีฐาน มาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจช้ากว่าที่ประเมินไว้

ด้านนายสุรัช แทนบุญ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อในบริบทของเศรษฐกิจไทย เป็นผลจาก cost-push shocks โดยเฉพาะราคาพลังงานและอาหารสดเป็นหลัก ขณะที่ demand shocks ส่งผลไม่มากนัก โดยยังไม่เห็นราคาที่สูงขึ้นส่งผ่านไปยังสินค้านอกหมวดพลังงานและหมวดอาหาร beyond regular cost pass-through

ทั้งนี้ แม้อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะ 1 ปีข้างหน้าจะปรับเพิ่มขึ้นบ้าง แต่อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลาง ยังยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ระดับ 1-3% และไม่อ่อนไหวตามความผันผวนของราคาระยะสั้น โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป จะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในปี 66 จากราคาพลังงานและอาหารที่คาดว่าจะไม่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องตามอุปทานน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น และปัญหาการขาดแคลนสินค้าโภคภัณฑ์ที่จะบรรเทาลง ขณะที่แรงกดดันด้านอุปสงค์ยังมีน้อย แต่จะทยอยเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

 

logoline