สำนักข่าวเกียวโดรายงานอ้างการประเมินของบริษัทโนมุระ โฮลดิงส์ อิงค์ ว่ามีประชาชนชาวจีนเกือบ 373 ล้านคน ใน 45 เมืองทั่วประเทศ ดำเนินชีวิตภายใต้มาตรการล็อกดาวน์บางส่วนหรือเต็มรูปแบบ ซึ่งจำนวนดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วน 26.4% ของประชากรทั้งประเทศ ขณะที่รัฐบาลปักกิ่งยังคงยืนยันใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ ที่ใช้มาตรการควบคุมโรคเข้มงวดจนส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก
และในนครเซี่ยงไฮ้ที่เป็นทั้งศูนย์กลางการเงินและพาณิชย์ พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์มาตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. และจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมระหว่างเริ่มใช้มาตรการล็อกดาวน์จนถึงวันศุกร์รวม 314,000 คน
โนมุระ อินเตอร์แนชันแนล (ฮ่องกง) ประเมินว่า จนถึงเมื่อวันที่ 11 เม.ย. มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์บางส่วนหรือเต็มรูปแบบใน 45 เมืองของจีน เพิ่มขึ้นจาก 23 เมือง เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้ และทั้ง 45 เมือง มีผลผลิตมวลรวมประจำปีรวมกันเกือบ 7.2 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 40.3% ของมูลค่าเศรษฐกิจของประเทศ
กงสุลใหญ่ของญี่ปุ่นในนครเซี่ยงไฮ้ยื่นหนังสือถึงทางการเซี่ยงไฮ้ เพื่อเรียกร้องในนามของบริษัทญี่ปุ่น 11,000 แห่งในเมือง เพื่อผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ที่ทำให้บริษัทเหล่านี้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ล่าสุดเมืองซีอานประกาศเมื่อวันที่ 15 เม.ย. บังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์บางส่วนเพื่อลดการเคลื่อนที่ของประชากร 13 ล้านคน ตั้งแต่วันที่ 16- 9 เม.ย. หลังพบผู้ติดเชื้อ 43 คน ในเดือนนี้