"ทนายตั้ม" แฉรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ ลวนลาม กอด-จูบ นศ.สาววัย 18 ปี ขณะที่แม่เหยื่อติดต่อปรึกษาคดี รับไม่ได้ เด็กไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ชี้คดีถึงตำรวจแล้ว ด้าน ตร.เร่งตรวจวงจรปิด ยันไม่มีรับงานมาโจมตีทางการเมืองร้อยล้านเปอร์เซ็น ย้ำมีหลักฐานเด็ด เตรียมมอบตำรวจ ฝากถึงผู้ก่อเหตุงานนี้มีหนาว ให้ยอมรับสารภาพ-ขอโทษสังคม เชื่อมีผู้ให้อภัย ไม่เช่นนั้นจะโดนโทษหนัก
"ทนายตั้ม" นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง ใช้เพจเฟซบุ๊กส่วนตัว "ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ" โพสต์ภาพหญิงสาวเข้าร้องเรียน พร้อมระบุว่า “มีน้องคนนึงมาปรึกษาว่าถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ลวนลาม หอมแก้ม กอดจูบ จับก้นโดยไม่สมยอม เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่นะครับเพราะนักการเมืองคนนี้มีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โต สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตนเอง โดยหลอกว่าจะพามาคุยเรื่องงานและสอนน้องเรื่องหุ้น เศรษฐศาสตร์ แต่พอมาจริงกลับคุยแต่เรื่องเพศ และลวนลามต่างๆนานา ซึ่งคุณแม่ของน้องได้ปรึกษาผมทาง LINE Official: https://page.line.me/sittra ผมได้แนะนำให้แจ้งความดำเนินคดีและเก็บหลักฐานไว้พร้อมหมดแล้วครับ”จนมีผู้เข้ามาวิพากษ์วิจารย์กันจำนวนมาก
ล่าสุดทีมข่าวได้รับการเปิดเผยจากทาง "ทนายตั้ม" นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง ว่า เมื่อวันที่ 12 เมษายน ทางมารดาของผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงสาวอายุ 18 ปี ได้ขอความช่วยเหลือผ่านช่องทางไลน์แอด LINE Official: https://page.line.me/sittra ซึ่งทางผู้เสียหายเล่าว่า เมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ช่วงเวลา 17.00 น. ได้เดินทางไปทานข้าวกับรองหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งรู้จักกันได้ไม่นาน จากการไปนั่งฟังการบรรยายเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์
จากนั้นได้มีการแลกช่องทางการติดต่อไว้ จนรองหัวหน้าพรรคการเมืองคนดังกล่าวได้ชวนผู้เสียหายไปทานข้าวที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านลุมพินี ซึ่งเป็นโรงแรมลักษณะรูฟท็อป และไม่ค่อยมีชาวไทยเข้าไปใช้บริการ แต่จะเป็นชาวต่างชาติเสียส่วนใหญ่
อ่านข่าวเพิ่มเติม>>>
"นายษิทรา" กล่าวอีกว่า ในครั้งนั้นผู้เสียหายหวังว่าจะได้พูดคุยเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การลงทุน ที่สนใจ แต่ปรากฎว่ารองหัวหน้าพรรคการเมืองคนนี้ ถามถึงเรื่องมีแฟนหรือยัง , เคยมีเพศสัมพันธ์ุหรือไม่ และมีการดึงมือของผู้เสียหายมาหอม ซึ่งฝ่ายผู้เสียหายเองก็พยายามเลี่ยงโดยการขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่ก็ถูกอีกฝ่ายจับก้นบ้าง หอมแก้มบ้าง หรือจูบบ้าง ซึ่งผู้เสียหายก็เบือนหน้าหนี และขอตัวกลับบ้าน ในเวลา 19.00 น. แต่เนื่องจากผู้เสียหายไม่เคยนั่งแกร็บ หรือ รถแท็กซี่เพียงลำพัง เลยต้องยอมให้รองหัวหน้าพรรคคนดังกล่าวพาไปส่ง
"นายษิทรา" กล่าวอีกว่า ระหว่างที่อยู่ในรถ รองหัวหน้าพรรคคนนี้ก็ทำพฤติกรรมเดิม คือพยายามจะพูดจีบผู้เสียหาย และร้องเพลงจีบแต่ไม่ได้มากกว่าที่ร้านอาหาร และยังจับมือมาหอม ซึ่งฝ่ายหญิงพยายามสะบัดหนี และเอามืออีกฝ่ายให้ไปจับที่พวงมาลัยรถ ก่อนที่ผู้เสียหายจะกลับมาบ้านและร้องไห้เล่าเหตุการณ์ให้แม่ฟัง
ซึ่งแม่ก็รู้สึกเสียใจมาก เพราะรองหัวหน้าพรรคคนนี้เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ รวมถึงแม่และลูกสาวซึ่งเป็นผู้เสียหายก็ปลื้มมานาน ประกอบกับที่ผ่ามาไม่เคยให้ลูกสาวออกไปไหนเพียงลำพัง แต่ด้วยความเชื่อใจรองหัวหน้าพรรคคนนี้ จึงได้อนุญาตให้ลูกออกไปทานข้าวด้วย
"นายษิทรา" กล่าวต่อว่า ภายหลังจากเกิดเหตุทางแม่ของผู้เสียหายจึงติดต่อมาเพื่อปรึกษา โดยได้แนะนำให้ไปแจ้งความ ซึ่งทางผู้เสียหายได้แจ้งความไว้แล้ว เมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา และทางเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำและเริ่มขั้นตอนการสอบสวนไปแล้ว
"นายษิทรา" เผยอีกว่า สำหรับตัวผู้ก่อเหตุเป็นนักการเมืองใหญ่ที่เมื่อพูดชื่อออกไปทุกคนจะรู้จักทันที ซึ่งบางคนที่ทราบว่าเป็นบุคคลท่านนี้ บางคนก็ไม่เชื่อ เนื่องจากที่ผ่านมาเห็นว่ามีพฤติกรรมดี พูดจาไพเราะ แต่ก็มีกระแสอีกส่วนหนึ่งที่ระบุว่า นักการเมืองคนนี้เคยมีพฤติกรรมเช่นนี้เมื่อครั้งอยู่ประเทศอังกฤษ ก่อเหตุลวนลามจนเป็นคดีความ จนทำให้เรียนไม่จบ
ส่วนกรณีนี้ไม่ใช่การแบล็คเมล์แต่อย่างใด และไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองร้อยล้านเปอร์เซ็นต์ ภายหลังจากเกิดเหตุ ฝ่ายนักการเมืองคนดังกล่าวก็ติดต่อกลับมาทางแม่ของผู้เสียหาย พร้อมขอโทษและอยากเจอฝ่ายหญิง รวมถึงอยากคุยกับฝ่ายหญิง ซึ่งทางผู้เสียหายก็กลัวและร้องไห้ แต่ก็ตัดสินใจแจ้งความ และจะดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับใครอีก
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้"นายษิทรา" จะประสานแม่ของผู้เสียหายเพื่อไปติดตามความคืบหน้าที่โรงพักในวันที่ 14 เมษายนนี้ พร้อมเตรียมมอบหลักฐานเด็ด งานนี้มีหนาว และอยากฝากถึงนักการเมืองคนดังกล่าวว่า ให้รับสารภาพ อย่าสู้ และขอโทษสังคม เชื่อว่าอาจจะมีผู้ให้อภัย ซึ่งโทษ อนาจารย์เด็กอายุเกินกว่า 15 ปี จำคุก 10 ปี