ไม่รอด! ตร.บุกรวบมือยิง "วิน จยย." ดับ สารภาพต้องการชำระแค้นส่วนตัว

ความคืบหน้าคดีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายฉัตรชัย สุขใจดี อายุ 53 ปี วินจักรยานยนต์รับจ้าง หมายเลขเบอร์ 40 จำนวน 6 นัด เสียชีวิตบริเวณปากซอยเสริมสุข ถ.ประชาชื่น แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น  

ล่าสุดตำรวจ สน.ประชาชื่น จับกุมตัวนายสมปอง ทำนองดี อายุ 44 ปี ผู้ก่อเหตุได้แล้ว ก่อนคุมตัวเข้ามาสอบปากคำ ซึ่งเจ้าตัวมีสีหน้าเรียบเฉย และปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ส่วนญาติผู้ตายบางคน ที่อยู่ในอารมณ์โกรธแค้น พยายามวิ่งเข้าไปทำร้ายผู้ก่อเหตุ แต่มีการห้ามปรามได้ทัน

สอบถามนายสมพงษ์ เขียนจตุรัส ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เมื่อช่วงเช้ากำลังเดินทางไปทำงาน อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 4 เมตร ตอนแรกได้ยินเสียงผู้ก่อเหตุตะโกน เรียกผู้ตายที่ขับรถผ่านไปว่า “พี่น้อยๆ” จากนั้นผู้ตายขี่ย้อนกลับไปหา อีกฝ่ายจึงพูดขึ้นว่า “ปัญหานะ จะจบได้หรือยัง”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ผู้ตายจึงบอกว่า “จบก็จบ” ผู้ก่อเหตุพูดต่อว่า “จบก็จบไป” จากนั้นชักปืนออกมาจากข้างหลัง และกระหน่ำยิงผู้ตายอย่างโหดเหี้ยม ทั้งที้เป็นเพื่อนเคยดื่ม และตีไก่มาด้วยกัน แต่ช่วงหลังห่างเหิน เพราะผู้ตายเลิกดื่ม จนมีปากเสียงกันเรื่อยมา ก่อนมาเกิดเหตุรุนแรงขึ้น

ขณะที่นายสมพร จุลศรีไกรวรรณ พี่ชายภรรยาผู้ตาย เปิดเผยว่า ทั้งคู่เคยมีปัญหาไม่ลงรอยกัน เรื่องตีไก่ชน จากนั้นมีการเบิ้ลรถ และบีบแตรใส่กันอยู่ตลอด ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการเรียกมาพูดคุย และปรับความเข้าใจกันแล้ว จึงไม่มั่นใจว่ามีสาเหตุอื่นอีกหรือไม่

“นิสัยผู้ตาย เคยเป็นคนใจร้อน แต่ตอนนนี้เลิกดื่ม และทำให้อารมณ์เย็นลง ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นคนอารมณ์ร้อนเหมือนกัน ยิ่งเวลาดื่มยิ่งโวยวาย โดยเมื่อคืนก็ดื่มกินฉลองวันเกิดตัวเอง และมาก่อเหตุในช่วงรุ่งเช้า”   

ด้าน พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น.เปิดเผยว่า คดีนี้ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ส่วนสาเหตุที่ทำไป เกิดจากปัญหาที่เคยมีเรื่องกันมาก่อนนานถึง 5 เดือน แม้จะเคลียร์กันแล้ว แต่เรื่องไม่จบ โดยช่วงก่อนเกิดเหตุ คนร้ายมีการดื่มสุรา บังเอิญจนผู้ตายขี่รถผ่านมาพอดี จนมีปากเสียง และชักอาวุธปืนยิงในที่สุด

เบื้องต้นผู้ก่อเหตุ อ้างว่า ซื้อปืนมาในราคา 7,000 บาท แต่ไม่ได้มีเจตนาจะซื้อมา เพื่อยิงผู้ตายโดยเฉพาะ คดีนี้ตำรวจแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่น” ก่อนจะคุมตัวสอบปากคำเพิ่มเติม และนำตัวไปค้นของกลาง ทั้งอาวุธปืนและรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุต่อไป