9 เมษายน 2565 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ หรือ “หมอธีระ” คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ในเพจเฟซบุ๊ก “ThiraWoratanarat” ประเทศไทยพบการระบาดของ โควิด-19 สายพันธุ์ โอมิครอน สวนกระแสของทั้งทั่วโลกและของทวีปเอเชีย หลังเทศกาลสงกรานต์คาดว่าจะมีผู้ติดเช้อเพิ่ม 4 เท่า มีเนื้อหาดังนี้
9 เมษายน 2565 ทะลุ 497 ล้าน
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 1,012,924 คน ตายเพิ่ม 3,232 คน รวมแล้วติดไปรวม 497,354,784 คน เสียชีวิตรวม 6,198,548 คน โดย 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เกาหลีใต้ เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี และออสเตรเลีย
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 6 ใน 10 อันดับแรก และ 14 ใน 20 อันดับแรกของโลก
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 82.44 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 78.09 การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็นร้อยละ 31.67 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 28.71
สถานการณ์ระบาดของไทย
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก และอันดับ 3 ของเอเชีย ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 10 ของโลก
เปรียบเทียบสถิติรายสัปดาห์
คาดการณ์สถานการณ์หลังสงกรานต์
สงกรานต์ปีที่แล้วทำให้จำนวนติดเชื้อเฉลี่ยในครึ่งเดือนหลังสูงกว่าครึ่งเดือนแรกถึง 3.26 เท่า และเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่าในครึ่งเดือนแรกของพฤษภาคม และ 6.67 เท่าในครึ่งเดือนหลังของพฤษภาคมตามลำดับ
ดังนั้นหากเป็นไปตามธรรมชาติการระบาดในอดีต ปีนี้จะมีความเสี่ยงสูงมาก เนื่องจากจำนวนติดเชื้อรายวันขณะนี้มีสูงกว่า 4-5 หมื่นต่อวัน (รวม ATK)
ติดเชื้อ ป่วย หาย ตาย หรือไปสู่ Long COVID
ด้วยข้อมูลที่เห็นปัจจุบัน ติดเชื้อส่วนใหญ่มักป่วยแบบมีอาการ มากกว่าจะไม่มีอาการ แต่ป่วยแบบมีอาการมักเป็นอาการน้อย อย่างไรก็ตามสังคมที่มีการติดเชื้อจำนวนมากมาย ทำให้มีจำนวนคนป่วยปอดอักเสบ ป่วยรุนแรง ต้องใช้ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตย่อมมากขึ้นเป็นเงาตามตัว นี่คือวัฏจักรที่ทุกคนรับรู้ได้จากตัวเลขในแต่ละวันที่รายงานมา เปรียบเหมือนแผ่นดินไหว ที่ส่งผลให้เกิดความสูญเสียชีวิต บาดเจ็บ หรือเสียหายในระยะเฉียบพลัน
แต่ปัญหาหนักที่หลายประเทศทั่วโลกเผชิญอยู่คือ ภาวะผิดปกติระยะยาวหรือ Long COVID ที่เกิดขึ้นในประชากรจำนวนมากที่เคยติดเชื้อมาก่อน ไม่ว่าจะชายหญิง เด็กผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ ป่วยแบบไม่มีอาการ มีอาการน้อย หรืออาการรุนแรง ล้วนมีความเสี่ยงที่จะเกิดได้หมด
Long COVID มีโอกาสเกิดขึ้นได้เฉลี่ย 20-40%
หากเป็นคนสูงอายุเกิน 65 ปี โอกาสเกิดราว 50% โดยชายเสี่ยงกว่าหญิง
แต่หากเป็นคนที่อายุ 20-60 ปี โอกาสเกิดมีตั้งแต่ 5-30% โดยหญิงเสี่ยงกว่าชาย
และในภาพรวมผู้ใหญ่มีความเสี่ยงมากกว่าเด็ก อย่างไรก็ตามพบเด็กที่มีปัญหา Long COVID มากขึ้นอย่างต่อเนื่องในระลอก Omicron
ล่าสุด National COVID-10 Clinical Evidence Taskforce ของประเทศออสเตรเลีย ก็เพิ่งออกแนวทางการดูแลผู้ป่วยที่เป็น Long COVID หรือ Post COVID conditions เมื่อวานนี้ 8 เมษายน 2565
ตอกย้ำให้เห็นว่า Long COVID is real เปรียบเหมือนคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ที่จะถาโถมมาหลังเกิดแผ่นดินไหวหนัก และจำเป็นที่แต่ละประเทศต้องเตรียมรับมือ เพราะจะส่งผลบั่นทอนสมรรถนะของประชากรในการดำรงชีวิตและการทำงาน รวมถึงก่อให้เกิดภาวะทุพลภาพหรือโรคเรื้อรัง และภาระค่าใช้จ่ายทั้งของผู้ป่วย ครอบครัว และสังคม
ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาเฉพาะเจาะจงสำหรับ Long COVID การป้องกันตนเองและครอบครัวไม่ให้ติดเชื้อย่อมดีที่สุด สงกรานต์นี้ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อตัวคุณและคนที่คุณรักเถิดครับ...