"เจ้าสัวคีรี"ขอเป็นโซ่กลางดันสินค้าชายแดนใต้สู่ตลาดฮาลาล-ตลาดโลก

31 มีนาคม 2565 นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ได้ลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมา เพื่อพบปะพูดคุยกับกลุ่มนักธุรกิจ และผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ จ.นราธิวาส และอ.เบตง จ.ยะลา จากคำเชิญของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค เพื่อให้ความเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำธุรกิจยั่งยืน ในการนำไปต่อ ยอดเศรษฐกิจในพื้นที่ได้ ซึ่งถือเป็นการลงพื้นที่ครั้งที่ 2 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่ผ่านมา นายคีรี ได้เชิญ "กลุ่มนักธุรกิจ และผู้นำท้องถิ่นจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้" มาหารือเพื่อต่อยอดจากครั้งที่แล้ว ในงานสัมมนา "ศึกษาดูงานธุรกิจ กลุ่มบริษัทบีทีเอส" โดยได้รับเกียรติจาก นางสุภาวดี โชคสกุลนิมิต ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดปัตตานี เข้าร่วมหารือแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ ทั้งประเด็นการค้า การลงทุนของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมด้านโลจิสติกส์ อาทิ การส่งออกผลไม้ในท้องถิ่น เนื้อโคแช่แข็ง หรือเนื้อวัวดิลิเวอรี่ ธุรกิจห้องเย็น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพการส่งออกวัตถุดิบให้มีความสดใหม่ รองรับตลาดฮาลาล และตลาดโลก 

โดย นายคีรี กล่าวว่า การส่งออกโคเนื้อนั้นถือเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ และสามารถพัฒนาต่อยอดได้ ถ้ามีการศึกษาการลงทุน ศึกษาตลาด รวมถึงความพร้อมของเกษตรกรในพื้นที่ มีการรวมกลุ่มในการทำธุรกิจ ส่วนตัวพร้อมที่จะเป็นคนกลางในการเชื่อมโยงกับนักลงทุน เพื่อเป็นโซ่ในการเชื่อมเพื่อต่อยอดธุรกิจได้   

ด้านนางสุภาวดี กล่าวว่า เนื่องจากในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นพื้นที่มีทรัพยากรสำคัญ คือ ทะเล การทำประมงจึงถือเป็นอาชีพที่สำคัญ ที่จะเป็นส่วนยกระดับเศรษฐกิจอย่างมาก หากมีการลงทุนธุรกิจห้องเย็น คาดว่าจะสามารถต่อยอดธุรกิจอีกหลาย ๆ อย่างได้อย่างดี นอกจากการต่อยอดทางธุรกิจในพื้นที่ ที่เป็นหัวข้อหลักในการหารือนั้น ประเด็นด้านการศึกษา เป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่ได้รับความสนใจอย่างมาก

ขณะที่ นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้อำนวยการใหญ่สายธุรกิจ MATCH  บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ยังได้นำคณะเข้าเยี่ยมชม การเรียนการสอน ที่ Verso International School  หนึ่งในธุรกิจของกลุ่มบีทีเอส ที่มีการเรียนการสอนโดยยึดมาตรฐานการศึกษาของอเมริกาเพื่อสร้างรากฐานหลักสูตร "สู่อนาคต" หรือ (Future-Ready) โดยให้ความสำคัญในด้านต่าง ๆ 

1.ความสำคัญกับการเรียนรู้แบบบูรณาการ การทำโปรเจกต์ 

2.มุ่งเน้นการสร้างทักษะที่จำเป็นต่าง ๆ นักเรียนทุกคน

3.กระตุ้นการเรียนรู้ และได้ทำกิจกรรมร่วมกับกลุ่มนักเรียนที่มีอายุหลากหลาย 

4.เป็นโรงเรียนนานาชาติ 3 ภาษาที่เน้นความหลากหลาย ที่จะช่วยปูพื้นฐาน และสร้างโอกาส        สู่ความสำเร็จอนาคตของนักเรียนได้เป็นอย่างดี 

การที่ Verso International School มีการเรียนการสอนที่หลากหลาย ทำให้กลุ่มนักธุรกิจมีแนวคิดที่ อยากให้ในพื้นที่มีการพัฒนาด้านการศึกษาอย่างจริงจัง ซึ่งมองว่าเป็นโอกาสที่จะสร้างแนวทางการพัฒนาศักยภาพของเยาวชน รวมถึงเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทยได้ในอนาคตต่อไป 

อย่างไรก็ตาม การสัมมนาในครั้งนี้นับเป็นกลยุทธ์สำคัญ ที่จะเป็นแนวทางในการขยายฐานเศรษฐกิจสู่ท้องถิ่นได้ สามารถสร้างโอกาสหลากหลายด้าน เพื่อมุ่งไปสู่การแก้ไขปัญหาในทุกๆ มิติให้มีความยั่งยืน