รายการ"คมชัดลึก เนชั่นทีวี โดย วราวิทย์ ฉิมมณี พิธีกรรายการได้สัมภาษณ์ ทนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย ทนายความของแม่แตงโม นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน ถึงประเด็น การโดนปลดจากการเป็นทนายและสถานะการทำคดีการเสียชีวิตของ แตงโม นิดา ซึ่งทนายกฤษณะ เปิดเผยเบื้องหลังทั้งหมด
"สถานะตอนนี้คือไม่ได้เป็นทนายความแล้ว คุณแม่ได้มีการเปลี่ยนตัวให้เป็นทนายเดชา มาทำหน้าที่แทน ผมจะไปอยู่เบื้องหลังช่วยเหลืองานทนายเดชาซึ่งผมน้อมรับ เพราะการเปลี่ยนทนายความเป็นสิทธิของลูกความอยู่แล้ว และผมก็มองว่าทนายเดชาเป็นทนายที่มีความรู้ความสามารถ ส่วนผมพึ่งผ่านการเป็นทนายความมาได้เพียง 2 ปีเท่านั้น ในเรื่องความเชี่ยวชาญและวิชาการเทียบกับทนายเดชาไม่ได้อยู่แล้ว" ทนายกฤษณะ กล่าว
เมื่อ "วราวิทย์" ถามเหตุผลในการปลดจากทนายความนั้น "ทนายกฤษณะ" ตอบว่า เหตุผลคือคุณแม่มีความเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัย และในส่วนที่ไม่ทำตามคำสั่งคุณแม่ เกิดจากการที่คุณแม่ไม่พอใจที่ตนเองไปออกรายการรายการหนึ่งเมื่อวานนี้ มีการพาดพิงถึงผู้ใหญ่ทำให้เขาโกรธ อีกอย่างหนึ่งคือการเข้าไปสังเกตุการณ์การผ่าพิสูจน์ศพซึ่งคุณแม่ไม่ได้มอบอำนาจให้ไปสังเกตุการณ์ ส่วนประเด็นการพาดพิงผู้ใหญ่นั้นมีประเด็นที่ทำให้คุณแม่ไม่สบายใจ และ เกิดการเข้าใจผิดในการตีความหมายคำพูดของคุณแม่"
สำหรับประเด็นค่าจ้างนั้น "ทนายกฤษณะ" บอกว่า เรื่องเงินว่าความตนเองไม่ได้เรียกร้องแล้วแต่คุณแม่จะให้ ส่วนหนึ่งจะทำบุญให้กับน้องแตงโมด้วย และยอมรับว่าได้รับเงินจากคุณแม่มาจำนวน 35,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายในการทำงาน ค่ารถ ค่าเดินทางต่างๆ
ที่ผ่านมายอมรับว่ายังไม่แม่นในข้อกฎหมาย แม่นเรื่องพื้นฐานเท่านั้นอาจจะไม่รู้เท่าทันคู่กรณีซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า ตรงนี้คุณแม่อาจจะมองว่าหากทำคดีต่อไปอาจจะทำให้เสียหาย คุณแม่เป็นผู้ใหญ่คงจะวิเคราะห์แล้วว่าตนเองอาจจะไม่เก่งพอ และอาจจะรับผิดชอบไม่ไหว ตรงนี้ตนเองยอมรับและพร้อมจะพัฒนาตัวเองต่อไป
ส่วนการไขปริศนาผ่าพิสูจน์ศพ "แตงโม" รอบ 2 เพื่อคลายข้อสงสัยตามคำร้องขอจากคุณแม่ ภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่นางเอกสาว "แตงโม"
แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม
ซึ่งเป็นผู้เข้าสังเกตการณ์ เปิดเผยกระบวนการผ่าพิสูจน์ศพแตงโม ครั้งที่ 2 ไม่พบว่า บริเวณศีรษะ หรือ ใบหน้าถูกทำร้าย และสภาพบริเวณดวงตาที่ข้างหนึ่งปิดและอีกข้างเปิด เนื่องจากมีการเปิดเปลือกตาเพื่อตรวจสอบบริเวณเยื่อบุตาว่ามีเลือดหรือจุดเลือดออก ที่บ่งชี้ว่ามีร่องรอยการกระแทกหรือการขาดอากาศหรือไม่ เพราะการขาดอากาศแบบบีบคอรัดคอจะมีเลือดออกที่ตาขาว และเมื่อตรวจสอบเสร็จพบว่า เปลือกตาด้านซ้ายปิดไม่สนิท ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ที่เกิดการเคลื่อนย้าย หรืออากาศร้อน ทำให้ดวงตาด้านซ้าย เกิดแก๊สดันออกมาได้
ส่วนการตรวจสอบบริเวณแผลที่ต้นขา พบว่าแผลไม่ถึงกระดูก เป็นหลักฐานตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ว่ารอยแผลเกิดจากอะไร หรือมีเศษวัสดุโลหะติดอยู่หรือไม่ ซึ่งพบเพียงบริเวณเส้นเอ็น หรือเนื้อเยื่อ การตรวจศพทั้งสองครั้ง พบบาดแผลที่มีลักษณะเฉพาะ ซึ่งเป็นบาดแผลที่มีรูปลักษณ์เฉพาะที่พนักงานสอบสวนจะต้องไปสืบหาว่าเกิดจากวัตถุใด
วราวิทย์ ถามแพทย์นิติเวชอีกท่านหนึ่ง นายแพทย์ทัศนัย พิพัฒน์โชติธรรม คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไขข้อสงสัย บริเวณลำคอ ที่มีรอยแผล และใบหน้าดำคล้ำ น่าจะเกิดจากการสัมผัสแสงแดด อากาศ และร่องรอยที่คอ น่าจะเกิดจากการใส่สร้อยคอของ "แตงโม" ที่อาจเกิดการเน่าของสภาพร่างกาย ซึ่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังการเสียชีวิต กรณีที่ถูกบีบคอหรือรัดคอ ย่อมสามารถตรวจพิสูจน์การกดทับเนื้อเยื่อด้านในลำคอได้ แม้จะเสียชีวิตไปแล้ว แต่กรณีนี้ไม่พบสิ่งผิดปกติ