svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ทวี"ชำแหละประเทศไร้อนาคตตั้งแต่มีรธน.60-รัฐบาลปัจจุบันเข้าบริหาร

14 มีนาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ทวี สอดส่อง"ชำแหละนายกฯ ก่อนหมดเวลาประเทศ ชี้ตั้งแต่เกิดรัฐธรรมนูญ 60 สร้างความเหลื่อมล้ำสุดโต่ง แถมถูกผูกขาดด้วยส.ว.มากำหนดอนาคตชาติ ไร้คนรุ่นใหม่

14 มีนาคม 2565 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ได้ร่วมเวทีเสวนา "ฝ่ายค้านรับฟังปัญหาทั่วไทย..เพื่อประชาชน" ร่วมกับตัวแทนจากพรรคฝ่ายค้านต่างๆ โดยมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นประธานการจัดงานดังกล่าว ณ ห้องวอเตอร์เกท บอลรูม โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท  

 

โดย พ.ต.อ.ทวี กล่าวในหัวข้อ "หมดเวลานายกฯ ก่อนประเทศหมดเวลา" ว่า  ประเทศไทยเป็นประเทศที่รัฐธรรมนูญนิยม ข้ออ้างข้อหนึ่งก็คือว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 ไปผ่านประชามติ ดังนั้น เวลานายกรัฐมนตรี ถ้าตามรัฐธรรมนูญก็คือ วันที่ 25 ส.ค. 2565 เพราะรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษร มีความหมายชัดเจนไม่คลุมเครือ แม้แต่ว่าจะไปใช้บทเฉพาะกาล บทมาตรา 246 ก็ยังบอกว่า คณะรัฐมนตรีรวมทั้งตัวนายกฯ ด้วย ที่บริหารราชการแผ่นดิน อยู่วันก่อนประกาศรัฐธรรมนูญนี้ใช้ ก็เป็นคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญนี้ ซึ่งบอกว่าให้อยู่ได้ 8 ปี ก็คือ 1.นายกรัฐมนตรีจะหมดเวลาวันที่ 25 ส.ค.2565

 

"ท่านอาจจะฝืนเพราะว่าในรัฐธรรมนูญท่านมีรัฐอิสระของท่าน ก็คือองค์กรอิสระหรือศาลรัฐธรรมนูญที่ท่านตั้งมากับมือ เพื่อตีความให้อยู่ได้ แต่อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีก็จะอยู่ได้ถึงวันที่ 24 มี.ค. 2566 เพราะว่ารัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่ารัฐบาลเป็นได้ 4 ปี เมื่อครบ 4 ปี คือวันเลือกตั้ง เราเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 ในเรื่องการหมดนายกรัฐมนตรี มันเป็นเรื่องความเห็นแก่ตัวของคน ท่านอย่าไปหวัง เพราะว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้ฉีกรัฐธรรมนูญ แล้วก็รัฐธรรมนูญปี 2560 คนฉีกรัฐธรรมนูญเป็นคนร่างรัฐธรรมนูญ จึงอย่างไปหวัง แล้วก็เขียนรัฐธรรมนูญ โดยเห็นแก้ตัวเพื่อให้ตัวเองมาเป็นนายกรัฐมนตรี อันนี้คือจุดเริ่มต้น ถ้าใครมีศาสนาอยู่กับตัว การเห็นแก่ตัวถือว่าเป็นบาปมหันต์" พ.ต.อ.ทวี กล่าว

ส่วนในเรื่องก่อนประเทศจะหมดเวลา หมายถึงการพูดถึงอนาคต เขาบอกว่า จะดูอดีตสังคมใด ให้ไปดูพิพิธภัณฑ์ ถ้าจะดูปัจจุบันให้ไปดูที่หน่วยปฏิบัติหรือดูที่กฎหมาย ถ้าจะดูอนาคตให้ไปดูที่เยาวชนหรือการศึกษา วันนี้ (14มี.ค.) ประเทศหมดอนาคตตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 60 นี้ประกาศใช้บังคับ เพราะรัฐธรรมนูญปี 60 เขียนโดยคนฉีกรัฐธรรมนูญ คนที่ไม่ศรัทธาต่อระบอบประชาธิปไตย จึงมีรัฐธรรมนูญอยู่ 5 รัฐ  

 

พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า รัฐที่ 1 คือ รัฐสภา มี 750 คน ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ แค่ 350 คน ซึ่งบัตรใบเดียวไปเลือกตั้งได้ 350 คน ไม่สามารถเลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบได้ นี่คือการเขียนเพื่อให้ตัวเองมาสืบทอดอำนาจ 

 

ประการที่ 2 มีรัฐบาลสืบทอดอำนาจ เพราะในรัฐธรรมนูญจะให้คนเลือกนายก ถึง 750 คน ประชาชนไปเลือกแค่ 350 ถึงจะมีปาร์ตี้ลิสต์เข้ามาเป็น 500 ก็ตาม แต่ 750 ก็คือให้ ส.ว.มาเลือกนายกฯ เพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคที่เสียงข้างมาก โดยปกติจะต้องเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้มีสิทธิจะเป็น โดย นายชูศักดิ์ ศิรินิล บอกว่า 99.9 เปอร์เซ็น คิดว่าประธานสภาไม่มีกฎหมายห้ามไว้ ส.ว.ก็จะเลือก 100 เปอร์เซ็น สามารถถูกครอบงำ เขาบอกว่าถูกครอบงำในกะลามันยังดิ้นได้ แต่ ส.ว.นี้ดิ้นไม่ได้ 

 

รัฐต่อมาในรัฐธรรมนูญ ก็คือรัฐราชการกับรัฐทหาร ซึ่งจะมีอำนาจมากมายเลย คือประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยจะไม่มีสิทธิมีเสียง เพราะว่ารัฐบาลนี้ได้ขยายอำนาจของหน่วยราชการไปครอบคลุมทุกอนู คือเป็นรัฐซ้อนรัฐ แม้ในรัฐราชการเดิมก็ไม่ไว้วางใจ ก็ยังแต่งตั้งชุดต่างๆให้มาอยู่กับนายกฯ 

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายคือรัฐประหารเงียบ คือ การครอบงำอนาคตของประเทศไว้อีก 20 ปี ซึ่งแผนปฏิรูป ให้ ส.ว.คือผู้กำหนดชะตากรรมของประเทศ ตรงนี้อนาคตของประเทศหมดไป เนื่องจากว่าในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่มีพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ให้เยาวชนให้เด็กอยู่ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ส.ว.250 คน ไปดูเป็นอดีตทหารเกษียณราชการ เป็นอดีตข้าราชการเกษียณ เป็นอดีตคนที่รับใช้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นอดีตนายทุนที่มาคอยสนับสนุน คนกลุ่มนี้มาเป็น ส.ว.แล้ว ส.ว.ก็มีหน้าที่ตามหมวด 16 คือ ปฏิรูปประเทศ ยึดประเทศไว้อีก 20 ปี 

 

"เราเรียกว่า “สภาปลาสองน้ำ”  คือ สภาพล่างเลือกตั้ง สภาที่สองคือแต่งตั้ง แต่สภาปลาสองน้ำ ให้ปลาน้ำที่สอง มากำหนดชะตากรรมของประเทศ เราจึงไม่มีคนรุ่นใหม่ ที่เขาบอกจะดูอนาคตให้ไปดูที่เยาวชน ให้ไปดูที่การศึกษา เพราะคนรุ่นนี้เขาจะกำหนดอนาคตของคนชราคืออนาคตเขาเอง รัฐบาลใช้วาทะกรรมที่สวยงามมาก "มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" ซึ่งเป็น ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนของ คสช. เพราะใน ส.ว.สามารถให้คนที่เป็นรัฐบาลเก่า สนช.เก่า เดินพาเหรดมาเป็นได้ทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น แต่กับ ส.ส.สกัดแล้ว สกัดเล่า" เลขาธิการพรรค กล่าว 

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากรัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามา มีความเหลื่อมล้ำมากที่สุด ทั้งเรื่องความยากจน สิทธิเสรีภาพ แม้กระทั่งเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมถึงความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่ ดูง่ายๆ วันนี้ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกร และจากการไปพบประมงมา รู้หรือไม่ในรัฐธรรมนูญฉบับเก่าๆ จะเขียนเลยว่า อาชีพเกษตรกรรัฐบาลจะต้องหาตลาดและให้ขายในราคาสูง เพราะเกษตรกรคือยุ้งฉางของสังคม แต่ปรากฏว่า รัฐธรรมนูญปี 60 มาตรา 73 ให้ขายในราคาตลาด แต่ตลาดเป็นของนายทุน เป็นของคนรวย นายทุนก็จะบีบให้ยิ่งถูกเท่าไหร่ยิ่งดี อันนี้คือตัวอย่าง

 

"วันนี้ท่านทราบไหมว่า เกษตรกรไทยเราถูกรัฐประหารตั้งแต่จอมพลสฤษดิ์ เดิมเกษตรกรจะกำหนดการถือครองที่ดินของประชาชนคนไทย ถ้าทำเกษตรก็ 50 ไร่ ถ้าอุตสาหกรรม 5-10 ไร่ พาณิชย์ 5 ไร่ ที่อยู่อาศัย 5 ไร่  แต่หลังจากปฏิวัติเราไม่กำหนดเพดาน วันนี้ท่านทราบไหมว่า คนที่มีที่ดินเกินกว่า 50 ไร่ ไปจนถึงไม่มีขีดจำกัดในประเทศไทย มีไม่ถึง 3 ล้านคน ส่วนเกษตรกรทั้งหมดไม่มีที่ดิน แล้วปรากฏว่า ที่ดินที่เหลือเป็นที่ของรัฐหมด แม้เรามีสภาเกษตรกร แต่ที่ผมกับท่านพิจารณ์นั่งพิจารณางบประมาณ สภาเกษตรกรได้งบประมาณปีละ 300 ล้าน เค้าต้องดูแลเกษตรกรทั้งหมด ต้องดูประมงอะไรที่เดือดร้อน แต่ท่านทราบไม่ว่า กอ.รมน.มีคนไม่ถึง 300 คน มีงบไปเกือบหมื่นล้าน บางปีละหมื่นกว่าล้าน แล้ว กอ.รมน. พอเดินเข้าไปดูเวลาใช้จ่ายเงินก็ใช้เป็นงบลับ ปีละเกือบ  6,000 ล้าน แล้วงบลับตัวนี้ไม่เขียนในงบประมาณแต่กลับไปซ่อนเอาไว้ ต้องไปดูที่ สตง.ตรวจ จึงจะรู้ว่าใช่เป็นงบลับ แล้วคนใช้งบลับก้อนนี้คือใครรู้ไหม คือนายกรัฐมนตรี เป็น ผอ.กอ.รมน. กับ ผบ.ทบ." พ.ต.อ.ทวี ระบุ 

 

 

logoline