"ทวี สอดส่อง"เล็งตั้งกองทุนเพื่อแก้ปัญหาชาวประมงช่วงออกทะเลไม่ได้

12 มีนาคม 2565 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค พร้อมด้วย ส.ส.พรรคในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมเวทีรับฟังปัญหาประมงพื้นบ้าน พร้อมพบปะประชาชนชาวประมงพื้นบ้าน และชาวจ.นราธิวาส กว่า 2,000 คน ณ บริเวณหาดนราทัศน์ อ.เมือง จ.นราธิวาส ภายใต้ สโลแกน "เพราะเราคือประชาชาติเดียวกัน ถ้าพี่น้องชาวประมงเดือดร้อน เราก็เดือดร้อนเช่นเดียวกัน"

โดย พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ส.ส.ของพรรคประชาชาติทุกคนคิดรับใช้ประชาชน แต่รัฐบาลเข้ามาโดยไม่นึกถึงประชาชน ต้องการให้ประชาชนรับใช้รัฐบาล โดยเฉพาะเวลามีงบประมาณก็ไปใช้ในเรื่องความมั่นคง เมื่อผู้นำไม่ได้มาจากประชาชนเสียงของประชาชนก็ไม่มีความหมาย

"สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเมื่อบ้านเมืองเราจะเป็นประชาธิปไตย การเลือกตั้งครั้งต่อไป อยากให้พี่น้องลองดู ในจุดตรงนี้ใครที่ทำเพื่อตัวเอง ไม่ได้ทำเพื่อประชาชน สิ่งที่เราจะได้รับความยุติธรรมที่สุดก็คือวันที่เราไปเลือกตั้ง วันที่เราไปเลือกตั้ง คนที่รวยที่สุดกับคนที่ยากไร้ที่สุด เสียงเกียรติยศ เท่ากัน 1 สิทธิ์ 1 เสียง การที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตย คือการเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้งจะมาถึงแน่นอน อาจจะช้าหรือเร็ว ไม่ปีนี้ หรือช้าที่สุดก็ปีหน้า ไม่นานนัก" พ.ต.อ.ทวี กล่าว  

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลนี้อยู่มาจะ 8 ปี ประชาชนพบกับความยากไร้ ขาดการดูแล โดยเฉพาะประมงพื้นบ้าน ซึ่งควรจะมีกองทุน เช่นเดียวกับ ทหาร ตำรวจ แต่กลับไม่มีกองทุน โดยเฉพาะประมงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วงเดือนพ.ย. ถึง ธ.ค. เป็นช่วงเดือนที่ออกทะเลไม่ได้ และยังมีพายุในช่วงอื่นๆ อีก เฉลี่ยแล้วอีกประมาณ 4 เดือน ทำให้อาชีพประมงทำไม่ได้

ทั้งนี้ ส่วนได้ปรึกษากับหัวหน้าพรรค และ ส.ส.ประชาชาติ แม้พรรคไม่ชอบออกกฎใหม่ๆ แต่คิดว่าจะปฏิรูปสภาเกษตรกร ซึ่งเป็นกฎหมายที่ประมงอยู่ในสภานั้นด้วย ซึ่งสภาเกษตรกรที่ดูแลเกษตรกรทั้งประเทศ 20 กว่าล้านคน ได้งบประมาณจากรัฐบาลปีเท่าไหร่ ไม่เกิน 300 ล้านบาท คือ รัฐบาลเห็นว่ามีสภาเกษตรกรแล้ว เลยก็ไม่ได้ให้ความสนใจ 

พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า กอ.รมน. ถือเป็นหน่วยงานที่มีงบประมาณบางปีหมื่นล้าน หรือบางปีเกือบหมื่นล้าน แล้วงบบางตัวเมื่อไปตรวจสอบเวลาการใช้งบ เช่น พัฒนาบุคคล ประมาณ 5-6 พันล้าน ถ้าเอาเงินตรงนี้มาเป็นกองทุนประมง กองทุนของเกษตรกร ในช่วงที่ไม่สามารถออกไปจับปลาได้ หรือต้องทำอาชีพอื่น

"เราจะเอากองทุนนี้มาเป็นการพัฒนาตลาดทางด้านเกษตรกร ทำเป็นตลาดประมง เพราะอย่างน้อยประมงพื้นบ้านที่ไปจับปลาก็เป็นปลาอย่างดี เพราะเป็นปลาสด ซึ่งเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ถ้าคนที่มาจากการยึดอำนาจ เขามองเรื่องความมั่นคงมั่งคั่ง ยั่งยืน ของข้าราชการ ของตัวทหาร เขาไม่ได้มองความมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืนของราษฎรหรือของประชาชน" เลขาธิการพรรค ระบุ

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีจังหวัดที่ติดทะเล และถ้ารวมกรุงเทพด้วย ก็เป็น 24 จังหวัด อาชีพประมงหรือว่าเป็นอาชีพเกษตรกร เกษตรกรรมตามนิยาม ซึ่งในบรรดาอาชีพด้านเศรษฐกิจและสังคม ประเทศใดสังคมใด ถ้าขาดใน 3 อาชีพ ประเทศนั้น สังคมนั้น จะอยู่ลำบาก คือ ทางเศรษฐกิจ เกษตร แล้วในเกษตร ก็จะบอกว่าเป็นเพาะปลูก การประมง และการปศุสัตว์ อยู่ในกลุ่มของเกษตร 

ด้านที่ 2 คือ ก่อสร้าง เทคโนโลยี ถ้าประเทศขาดสิ่งพวกนี้ก็ไม่ได้ ส่วนด้านที่ 3 ก็คือด้านการพาณิชย์ ค้าขาย ซึ่งบอกว่าประเทศใดถ้าขาดใน 3 ส่วน เศรษฐกิจประเทศนั้นจะอยู่ลำบาก แล้วเสาหลักของแต่ละสังคมแต่ละประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทย ก็จะมีอยู่ 4 เสาหลัก คือ

หลักที่ 1 ที่จะทำให้สังคมอยู่ได้ คือ เสาหลัก เรื่องการศึกษา 

หลักที่ 2 ที่ทำให้สังคมอยู่ได้ คือ เสาหลักทั้งเรื่องศาสนา ศาสนาจะทำให้คนจากคนที่ป่าเถื่อน จากคนที่เห็นแก่ตัวคนที่เอารัดเอาเปรียบ เป็นคนที่มีศาสนา เป็นคนที่พี่น้องนับถือศาสนาอิสลามก็คือเข้าถึงพระเจ้า 

หลักที่ 3 ที่ต้องมีคือเรื่องการเมือง 

เสาที่ 4 เรื่องความมั่นคง ไม่ใช่ความมั่นคงของทหาร แต่คือความมั่นคงของประชาชน ความมั่นคงก็คือความสุขของประชาชน การเมืองจะต้องทำเพื่อประชาชนให้มีความสุข 

ด้านนายมะลี แวหามะ ชาวประมงพื้นบ้าน กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นตัวแทนของชาวประมงหาดนราทัศน์ ถูกทอดทิ้งดูแลมานาน เกิดเหตุการณ์อะไรก็ต้องช่วยเหลือตัวเองหมด อยากให้มีกองทุนมาดูแลเหมือนชาวนา ชาวไร่ ที่มีเงินทุนเยียวยาทุกอย่าง เพื่อมาช่วยเหลือ ซึ่งชาวประมงก็มีปัญหา ซึ่งในระยะเวลา 3 เดือน ไม่มีรายได้เข้ามาจุนเจือครอบครัว จะออกหาอะไรก็ไม่ได้ ทำให้เป็นหนี้สินครัวเรือน เพราะต้องไปหยิบยืมเอามาใช้จ่ายภายในบ้าน

"บางคนก็ไปยืมนอกระบบแล้วแต่ความสามารถของคนนั้นๆ พอสามารถออกไปทะเล เราทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้นอกจากออกหากุ้งในทะเลอย่างเดียว ออกหากุ้งสักพัก ก็มีปัญหากับกฎหมายของเขาอีก กฎหมายที่มี มันหนักหนามาก โดนจับ ค่าปรับเกินกว่าเหตุ ปัญหาตรงนี้ไปอยากฝากพรรคประชาชาติ ช่วยแก้อย่างเร่งด่วน ให้พวกเราได้ทำงานอย่างสะดวก เสรี มีอาชีพที่มั่นคง เวลาโดนจับค่าปรับมันเยอะ มันไม่ใช่ 100-200 หรือพันสองพัน แต่มันเป็นหลักแสน และอุปกรณ์ก็โดนยึดอีก ตรงนี้มันเป็นปัญหาของเราอย่างมาก อยากให้รีบมาแก้ไขตรงนี้อย่างเร่งด่วนเลย เปิดให้เราทำงาน 2 เดือนก็ได้ ให้เราได้ทำงานอย่างเสรีทำอย่างมาเลเซียก็ได้ วันนี้มีเอกสารและหลักฐานที่แสดงถึงความเดือดร้อน ที่ได้มอบให้พรรคประชาชาติด้วย" นายมะลี กล่าว