svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ศบค.จ่อเคาะแผนปรับโควิด เป็น "โรคประจำถิ่น" ศุกร์นี้ ลุ้นคลายล็อกเพิ่มเติม

14 มีนาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

โฆษกรัฐบาล เผย ศบค. จ่อเคาะแผนปรับ โควิด-19 ให้เป็น "โรคประจำถิ่น" วันศุกร์ 18 มี.ค.นี้ พร้อมคลายล็อกกิจกรรมและกิจการต่าง ๆ เพิ่มเติม

14 มีนาคม 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ในวันศุกร์ที่ 18  มี.ค.นี้ มีวาระสำคัญเสนอของหน่วยงานต่าง ๆ ให้ที่ประชุมพิจารณา โดยกระทรวงสาธารณสุข เตรียมเสนอกำหนดแผนเปลี่ยนจากการระบาด (Pandemic) เป็นระยะเข้าสู่ "โรคประจำถิ่น" (Endemic approach)

ศบค.จ่อเคาะแผนปรับโควิด เป็น "โรคประจำถิ่น" ศุกร์นี้ ลุ้นคลายล็อกเพิ่มเติม

พร้อมกันนี้ คาดว่า กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการเสนอปรับมาตรการต่างๆ ทั้งการควบคุม เฝ้าระวัง และป้องกันโควิด-19 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาด รวมทั้งอาจมีการพิจารณาคลายล็อกกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนเดินหน้าใช้ชีวิตได้อย่างปกติด้วย

 

สำหรับการแผนเปลี่ยนจากการระบาดเป็นระยะเข้าสู่โรคประจำถิ่นนั้น กระทรวงสาธารณสุข ได้แบ่งออกเป็น 4 ระยะ (4 เดือน) หรือเรียกว่า 3 บวก 1 ดังนี้

ระยะที่ 1 (12 มี.ค.-ต้น เม.ย.65) เรียกว่า Combatting เป็นระยะต่อสู้ ต้องกดตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่ให้สูงกว่านี้ เพื่อลดการระบาด ลดความรุนแรงลง โดยจะมีมาตรการต่างๆ ออกไป

 

ระยะที่ 2 (เม.ย.-พ.ค.65) เรียกว่า Plateau คือ การคงระดับผู้ติดเชื้อไม่ให้สูงขึ้น ให้เป็นระนาบจนลดลงเรื่อย

 

ระยะที่ 3 (ปลาย พ.ค.-30 มิ.ย.65) เรียกว่า Declining คือ การลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงให้เหลือ 1,000 - 2,000 ราย 

 

ระยะที่ 4 (บวก 1) ตั้งแต่ 1 ก.ค.2565 เป็นต้นไป เรียกว่า Post pandemic คือ ออกจากโรคระบาดเข้าสู่โรคประจำถิ่น 

สิ่งที่จะทำคือ การปรับเป้าหมาย โดยไม่จำเป็นต้องกำหนดเรื่องตัวเลขผู้ติดเชื้อ เนื่องจากสถานการณ์ปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา แต่ยังเน้นเป้าหมายการฉีดวัคซีนป้องให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 เพื่อปรับอัตราเสียชีวิตให้ลดลงและเน้นการรักษาในกลุ่มเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรคให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

logoline