อลังการ"ขันโตกช้าง"อัดแน่นพืชผักผลไม้ 5 ตัน
เชียงใหม่ - ปางช้างแม่แตงจัดขันโตกช้างหนัก 5 ตัน เต็มไปด้วยผลไม้และพืชอาหารช้าง เลี้ยงช้างกว่า 49 เชือก วอนนายกรัฐมนตรี เร่งเปิดประเทศท่องเที่ยว ฟื้นธุรกิจปางช้างที่สร้างรายได้ให้ประเทศไทยกว่าปีละ 1,000 ล้านบาท ให้กลับมาคึกคัก
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 13 มีนาคม 2565 ที่ปางช้างแม่แตง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ดร.บุญทา ชัยเลิศ ประธานกรรมการบริหารปางช้างแม่แตง ได้มีการจัดกิจกรรมวันช้างไทย ร่วมกับนายธีรภัทร ตรังปราการ นายกสมาคมสหพันธ์ช้างไทย และโครงการคนช่วยช้าง ช้างช่วยคน ซึ่งวันช้างไทยจะตรงกับวันที่ 13 มี.ค ของทุกปี เพื่อเป็นการแสดงความเคารพ และให้ความสำคัญต่อช้างไทย ที่เป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่อดีต และเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยมาอย่างยาวนาน
กิจกรรมในปีนี้ทางปางช้างแม่แตง ได้มีการจัดขันโตกช้างขนาดใหญ่ ที่ประกอบด้วยผลไม้อย่าง แตงโม ฟักทอง กล้วย และสัปะรด นอกจากนี้ยังมีพืชที่เป็นอาหารช้างเช่นอ้อยและหญ้าอ่อน ทั้งหมดมีน้ำหนักรวมถึง 5 ตัน โดยผลไม้และพืชที่ใช้ในการจัดกิจกรรม ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนหลายหน่วยงาน ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของช้างไทย โดยที่ปางช้างแม่แตงแห่งนี้ มีช้างทั้งหมด 49 เชือก บรรยากาศมีนักท่องเที่ยวและสื่อมวลชน ที่มาร่วมกิจกรรมท่ามกลางอากาศที่ร้อน ประกอบกับท้องฟ้าที่สดใส
ดร.บุญทา ชัยเลิศ ประธานกรรมบริหารปางช้างแม่แตง เปิดเผยว่า งานนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงช้างที่เสียชีวิต และแสดงความเคารพต่อช้าง สัตว์ที่มีความสำคัญต่อคนไทยมาตั้งแต่อดีตกาล ทั้งในด้านศึกสงคราม มาจนถึงปัจจุบันที่ทีการปรับเปลี่ยนบริบทมามีความสำคัญในด้านภาคการท่องเที่ยว ที่สร้างรายได้ให้ประเทศไทยในแต่ละปีหลักพันล้านบาท แต่เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ ทำให้รายได้ของปางช้างต่างๆ ทั้งประเทศแทบเป็นศูนย์ฃ
ปางช้างต่างๆต้องมีการปรับตัวเพื่อเอาตัวรอดในล่วงสถานการณ์ที่วิกฤต อย่างที่ปางช้างแม่แตงแห่งนี้มีช้างกว่า 60 เชือก แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 49 เชือกเท่านั้น เนื่องจากว่าได้มีการย้ายช้างกลับไปดูแลในภูมิลำเนาของเจ้าของช้าง ที่จะมีความเป็นอยู่ดีกว่าในปางช้าง ช่วงที่เผชิญวิกฤติอยู่ในขณะนี้ ส่วนตัวที่เหลืออยู่ทางปางช้างยังดูแลอย่างเต็มที่ทุกเชือก
ในฐานะผู้ประกอบการฝากถึงท่านนายกรัฐมนตรี เร่งพิจารณาการเปิดประเทศท่องเที่ยว และรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามา สร้างรายได้ให้ประเทศอีกครั้ง เพราะที่ผ่านมารัฐบาลมองแต่ภาคใต้ของประเทศ อย่างจังหวัดภูเก็ตให้เป็นจังหวัดนำร่องการท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่ขณะที่เชียงใหม่ถือเป็นจังหวัดท่องเที่ยวขนาดใหญ่อีกจังหวัด ที่มีศักยภาพเท่าเทียมกับภูเก็ต นอกจากนี้ยังรอมาตรการจากภาครัฐในการส่งเสริมการท่องเที่ยว หลังมีแนวทางปรับโควิดเป็นเชื้อประจำถิ่นในช่วงกลางปี คาดว่าจะช่วยให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวได้
ข่าว/ภาพ : เกรียงไกร รัตนา ศูนย์ข่าวเนชั่นภาคเหนือ