วันที่ 10 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามและประชุมรับฟังผลการดำเนินการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ โดยสามารถจุบกุมกลุ่มผู้กระทำผิดความผิดจำนวน 4 คดี ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 ทั้งใน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ รวมถึงในพื้นที่ อ.เมือง และ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง
โดยคดีแรกเกิดขึ้นในพื้นที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ทางชุดปฏิบัติการฝ่ายปกครอง ร่วมกับ มูลนิธิ IMF ร่วมกันสืบสวนจนกระทั่งทราบว่า มีผู้ใช้ทวีตเตอร์โพสต์โฆษณาขายบริการทางเพศ โดยจะมีแม่เล้าจะทำการโพสต์โฆษณาว่าสามารถจัดหาหญิงมาค้าประเวณีได้ แจ้งลงในทวีตเตอร์ จากนั้นเมื่อมีลูกค้าสนใจจะติดต่อเข้ามาผ่านไอดีไลน์ที่แจ้งไว้ พร้อมมีการส่งข้อมูลของหญิงที่จะมาให้บริการทางเพศ โดยคิดค่าบริการทางเพศ ราคาประมาณครั้งละ 2,000-3,000 บาท ซึ่งลูกค้าผู้ซื้อประเวณีจะโอนเงินเข้าบัญชีแม่เล้า จากนั้นแม่เล้าจะทำการหักหัวคิวไว้ประมาณ ครั้งละ 200-5000 บาท แล้วโอนเงินต่อให้เด็กหญิงที่มาค้าประเวณี กระทั่งต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันเข้าช่วยเหลือเด็กหญิง อายุ 16 ปีเศษ และ อายุ 14 ปีเศษ ที่มาค้าประเวณีตามคำสั่งของแม่เล้า พร้อมกับสืบสวนจนพิสูจน์ทราบและทำการจับกุมแม่เล้า ซึ่งเป็น เยาวชนหญิง อายุ 15 ปีเศษ แอดมินของทวีตเตอร์ดังกล่าว ทำหน้าที่คอยชักชวน และติดต่อหาลูกค้า ได้ที่ จ.ปทุมธานี และขณะนี้อยู่ในระหว่างการขยายผลจับกุมกลุ่มผู้ซื้อประเวณี
ส่วนคดีที่ 2 ที่เกิดขึ้นพื้นที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เป็นการขยายผลการจับกุมจากเคสแรก ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอยถามเด็กผู้เสียหายจนทราบว่ายังมีกลุ่มเด็กหญิงซึ่งมีพฤติการณ์ถูกบังคับ หรือชักชวนให้มาค้าประเวณีในพื้นที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ อีกเป็นจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนและเข้าช่วยเหลือ เด็กหญิง อายุระหว่าง 12-14 ปีเศษ ได้จำนวนรวม 9 คน และต่อมาจากตรวจสอบทำให้ทราบข้อมูลว่ารูปแบบพฤติการณ์ในการกระทำความผิดคือ จะมีกลุ่มแม่เล้า จำนวน 3-5 คน อายุระหว่าง 16-20 ปี ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่รู้จักกันในกลุ่มเด็กหญิงในพื้นที่ มีพฤติกรรมเป็น
ผู้มีอิทธิพลในกลุ่มจะคอยชักชวน หลอกลวง และบังคับขู่เข็ญ กลุ่มเด็กซึ่งเป็นรุ่นน้องให้มารับงานค้าประเวณี โดยกลุ่มแม่เล้าจะเป็นผู้ติดต่อกับลูกค้าในพื้นที่ พร้อมเสนองานในลักษณะการเปิดบริสุทธิ์เด็ก ซึ่งจะมีราคาค่าตัวที่สูง ลูกค้าที่มาซื้อ ประเวณีมักจะเป็นกลุ่มนักธุรกิจที่มีรายได้สูง เข้ามาติดต่อซื้อประเวณีกับกลุ่มแม่เล้า เมื่อแม่เล้าติดต่อกับลูกค้าได้แล้ว จะติดต่อมายังกลุ่มเด็กหญิง โดยหลอกให้มาทำงานแพ็คสบู่บ้าง หรือบังคับข่มขู่ว่าถ้าไม่รับงานประเวณีจะถูกทำร้ายร่างกายบ้าง ทำให้เด็กหญิงรู้สึกกลัวจึงยอมรับงาน จากนั้นลูกค้าจะไปรับแม่เล้าและขับรถยนต์ของลูกค้าไปรับตัวเด็กหญิงที่บ้านหรือที่พักของเด็กหญิง แล้วพากันไปมีเพศสัมพันธ์กันตามโรงแรมหรือรีสอร์ทในพื้นที่ใกล้เคียง เมื่อเสร็จสิ้นการมีเพศสัมพันธ์ผู้ซื้อประเวณีจะจ่ายเงินสดให้แม่เล้า จำนวนครั้งละ 20,000-25,000 บาท โดยแม่เล้าจะหักหัวคิวประมาณ 5,000-15,000 บาท โดยในขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มแม่เล้าดังกล่าว พร้อมทำการขยายผลติดตามจับกุมกลุ่มผู้ซื้อประเวณีมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนคดีที่ 3 เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.เมือง จ.ลำปาง ที่ทางชุดปฏิบัติการ TICAC ร่วมกับ มูลนิธิ HUG PROJECT และ สภ.เมืองลำปาง ร่วมกันสืบสวนจนกระทั่งทราบว่า มีผู้ใช้ทวีตเตอร์โพสต์โฆษณาขายบริการทางเพศ โดยให้ผู้สนใจแอดไลน์สอบถามผ่านทางคิวอาร์โค้ดไลน์ และมีการโพสต์ภาพหญิงที่ขายบริการทางเพศ พร้อมให้ไอดีไลน์ติดต่อตรง ซึ่งต่อมาชุดปฏิบัติการได้ทำการสืบสวนจนกระทั่งทราบว่ามีพ่อเล้าจะทำการโพสต์โฆษณาว่าสามารถจัดหาหญิงมาค้าประเวณีได้ แจ้งประกาศลงในทวิตเตอร์ เมื่อมีลูกค้าสนใจติดต่อเข้ามาผ่านไอดีไลน์ตามที่แจ้งไว้ พ่อเล้าจะส่งข้อมูลของหญิงที่จะมาให้บริการทางเพศให้ลูกค้าทราบ โดยคิดค่าบริการทางเพศ ราคาประมาณครั้งละ 1,500-2,000 บาท ซึ่งลูกค้าจะโอนเงินเข้าบัญชีพ่อเล้า หรือใช้วิธีจ่ายเป็นเงินสดให้กับเด็กหญิงที่ไปให้บริการ จากนั้นพ่อเล้าจะทำการหักหัวคิว ไว้ประมาณ ครั้งละ 500 บาท ซึ่งภายหลังสามารถพิสูจน์ทราบว่า พ่อเล้า คือ เยาวชนชาย อายุ 15 ปีเศษ เป็นแอดมินของทวิตเตอร์ดังกล่าวทำหน้าที่คอยชักชวนติดต่อหาลูกค้า พร้อมนำเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี จำนวน 2 คน มาส่งให้กับลูกค้า ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ลำปาง ภายหลังสามารถทำการเข้าจับกุมพ่อเล้า และเข้าช่วยเหลือคุ้มครองเด็กหญิง ได้จำนวน 2 คน พร้อมขยายผลจับกุมกลุ่มผู้ซื้อประเวณีได้อีก จำนวน 12 คน โดยกลุ่มผู้ซื้อประเวณีมีทั้งข้าราชการ นักธุรกิจ และบุคคลทั่วไปในพื้นที่ใกล้เคียง ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และคดีที่ 4 เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง โดยทางชุดเจ้าหน้าที่ศพดส.ภ.5 ได้รับแจ้งจากผู้ปกครองของเด็กหญิงอายุประมาณ 14 ปีเศษ ว่าถูกชักชวนไปค้าประเวณี และอยากให้เข้ามาช่วยเหลือเด็ก ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ไปช่วยเหลือคุ้มครองเด็กหญิงดังกล่าว และทำการสืบสวนเรื่อยมาจนกระทั้งทราบว่า ยังมีเด็กหญิงอายุ 13 ปีเศษ อีก 9 คน ที่มีพฤติกรรมถูกชักชวนไปค้าประเวณีเช่นกัน จึงรีบเข้าไปช่วยเหลือคุ้มครองอีก 9 คน ภายหลัง และจากการฟื้นฟูสภาพจิตใจเด็กทั้ง 2 คน ทำให้ทราบรูปแบบพฤติการณ์ในการกระทำความผิด คือ พ่อเล้า ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่รู้จักกันมาก่อน ของเด็กหญิงทั้ง 2 คน ได้เข้ามาชักชวนติดต่อให้ไปพักอาศัยอยู่ด้วยกัน จากนั้นพ่อเล้าได้พูดจาโน้มน้าวเด็กหญิงว่า
เมื่อมาอยู่ด้วยกันแล้วต้องช่วยกันทำมาหากิน พร้อมกับแจ้งว่าให้เด็กหญิงทั้ง 2 คน ไปรับงานค้าประเวณี กับลูกค้าในลักษณะเพศสัมพันธ์หมู่ ที่โรงแรมในเขต อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง โดยพ่อเล้าได้มีการโพสต์เสนอขายประเวณีเด็กทั้ง 2 คน ผ่านทวิตเตอร์ เมื่อมีลูกค้าสนใจและติดต่อมายังพ่อเล้า พ่อเล้าจึงได้พาเด็กหญิงทั้ง 2 คน ไปส่งที่โรงแรม หลังจากที่ลูกค้าร่วมประเวณีกับเด็กหญิงทั้ง 2 คนแล้ว จึงโอนเงินเข้าบัญชีของพ่อเล้า เป็นจำนวน 3,500 บาท โดยพ่อเล้าได้แบ่งเงินให้เด็กหญิงทั้ง 2 คน เพียงคนละ 300 บาทเท่านั้น ภายหลังสามารถทำการเข้าจับกุม พ่อเล้า ซึ่งเป็นชายไทย อายุ 23 ปี พร้อมขยายผลจับกุม ผู้ซื้อประเวณี ซึ่งเป็น ชายไทย อายุ 45 ปี นักธุรกิจ ในพื้นที่ จ.ลำปาง ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า การปราบปรามการค้ามนุษย์เป็นนโยบายหลักของรัฐบาล ที่ได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ดำเนินการ ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 มีการเดินหน้ากวาดล้างอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการค้าประเวณีในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่มีโทษหนัก อยากจะฝากเตือนผู้ปกครองให้หมั่นตรวจสอบดูแลบุตรหลาน เพื่อไม่ให้ตกไปเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์
ข่าว / ภาพ โดย เกรียงไกร รัตนา ศูนย์ข่าวเนชั่นภาคเหนือ