ความเคลื่อนไหวล่าสุดจากทางด้าน พลอากาศตรี ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยเหตุความจำเป็นที่ต้องจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนว่า ตาม พรบ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 มาตรา 21 ระบุให้ กองทัพอากาศ มีหน้าที่เตรียมกำลังกองทัพอากาศ การป้องกันราชอาณาจักรและดำเนินการเกี่ยวกับการใช้กำลังกองทัพอากาศ ตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม มีผู้บัญชาการทหารอากาศเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
ตามแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาศักยภาพของประเทศด้านความมั่นคง ของ กระทรวงกลาโหม และแผนปฏิบัติการด้านการปกป้องอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์แห่งชาติของ กองทัพไทย ซึ่งกำหนดแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถในการปกป้องอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ของชาติ ระบุว่า กำลังทางอากาศ ต้องมีขีดความสามารถในการปฏิบัติการเชิงรุกที่ได้เปรียบฝ่ายตรงข้าม และปฏิบัติการร่วมทั้งในและนอกประเทศ โดยใช้ระบบเครือข่ายเป็นศูนย์กลาง (Network Centric Operations) ทำให้กองทัพอากาศต้องเตรียมยุทโธปกรณ์ให้มีความพร้อม ทันสมัย มีศักยภาพทางทหารที่ทัดเทียมกับประเทศรอบบ้าน
สำหรับในปัจจุบันนี้ เครื่องบินรบส่วนใหญ่ของ กองทัพอากาศ มีขีดความสามารถจำกัดในการปฏิบัติการทางอากาศมีอายุการใช้งานมาอย่างยาวนาน และจะเริ่มทยอยปลดประจำการตั้งแต่ พ.ศ. 2564 จนถึง พ.ศ.2574 โดยใน พ.ศ.2575 กองทัพอากาศ จะคงเหลือเครื่องบินขับไล่โจมตีต่ำกว่าร้อยละ 50 ซึ่งจะทำให้ขีดความสามารถของกำลังรบทางอากาศลดลงจนไม่สามารถปฏิบัติภารกิจได้
อีกทั้ง ยังต้องแบกรับภาระการส่งกำลังและซ่อมบำรุงกับเครื่องบินรบจำนวนมาก ที่มีอายุการใช้งานสูงถึง 28 - 54 ปี จึงต้องพัฒนาและจัดหายุทโธปกรณ์ที่จำเป็นและเพียงพอต่อหน้าที่ในการเตรียมการใช้กำลังทางอากาศ โดยคำนึงถึงเทคโนโลยีที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานภาพงบประมาณของกองทัพอากาศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันประเทศ รองรับแผน ปฏิบัติการของกระทรวงกลาโหมและกองทัพไทย
กองทัพอากาศ จึงได้พิจารณาความคุ้มค่าในการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีโดยมุ่งเน้นคุณภาพเหนือปริมาณ เพื่อการป้องปรามและรู้ผลแพ้ชนะในการใช้กำลัง รวมทั้งสามารถทวีกำลังและเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการปฏิบัติการร่วมระหว่างเหล่าทัพ ตลอดจนสร้างความมั่นคงร่วมกับมิตรประเทศในภูมิภาค กองทัพอากาศ จึงได้กำหนดให้จัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีสมรรถนะสูงยุคที่ 5 มาทดแทนเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบเดิมที่ล้าสมัย อันจะก่อให้เกิดความได้เปรียบของกำลังทางอากาศในการผนึกกำลังป้องกันประเทศ (United Defense) สนับสนุนการปฏิบัติการร่วมกับเหล่าทัพอื่น และยังเป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ในการป้องปราม (Deterrence) หรือการป้องกันเชิงรุก (Active Defense) ตลอดจนสามารถร่วมปฏิบัติการทางทหารกับประเทศในภูมิภาคได้ ตามหลักคิดการสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงร่วมกับมิตรประเทศในภูมิภาค
สืบเนื่องจากกรณีครื่องบินกองทัพอากาศ แบบ F-16 A ตกบริเวณที่บริเวณรอยต่อ จังหวัดชัยภูมิ โดย พลอากาศตรี ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เมื่อวานนี้( 8 มี.ค.65) เวลาประมาณ 13.40 น. มีรายงานเครื่องบินขับไล่แบบที่ 19 ก (F-16A) หมายเลข 10331 สังกัดฝูงบิน 103 กองบิน 1 ประสบอุบัติเหตุบริเวณพื้นที่ อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ขณะฝึกบินในภารกิจการบินขับไล่ขั้นมูลฐาน โดยเป็นเครื่องบินหมายเลข 1 ของหมู่บิน 2
จากการตรวจสอบในเบื้องต้น นักบินสามารถดีดตัวออกจากเครื่องบินอย่างปลอดภัย ซึ่งรายงานล่าสุด ทีมค้นหาและช่วยชีวิตของกองทัพอากาศ เดินทางเข้าพื้นที่ที่ประสบอุบัติเหตุเพื่อให้ความช่วยเหลือนักบินแล้ว โดยผู้เกี่ยวข้องได้รายงานเหตุการณ์ให้ผู้บัญชาการทหารอากาศทราบแล้ว และได้สั่งการให้คณะกรรมการสอบสวนอากาศยานอุบัติเหตุกองทัพอากาศ เดินทางลงพื้นที่เพื่อทำการตรวจสอบความเสียหายและสาเหตุต่อไป