ผอ.สถาบันนิติวัชร์จัดเสวนาชำแหละร่างกม.ชะลอฟ้อง

2 มีนาคม 2565 หม่อมหลวงศุภกิตต์ จรูญโรจน์ เลขาธิการสถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการจัดเสวนาเรื่อง "ชะลอฟ้อง เพื่ออะไร เพื่อใคร" โดยมี รศ.ดร.ปกป้อง ศรีสนิท คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายวิพล กิติทัศนาสรชัย ผอ.สำนักงานวิจัยกฎหมายอาญาและพัฒนากระบวนการยุติธรรม และ ดร.สรรพัชญ รัชตะวรรณ อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด เข้าร่วมเสวนา ซึ่งการเสวนานี้เป็นตอนต่อของการเสวนาวิชาการ เรื่อง "ชะลอฟ้อง เพื่ออะไร เพื่อใคร" : ทิศทางประเทศไทย จากอดีต ถึงปัจจุบัน สู่อนาคต ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา

โดย ผอ.สถาบันนิติวัชร์ เปิดเผยว่า การเสวนาครั้งนี้เป็นการนำเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.ชะลอการฟ้อง พ.ศ. .... มาวิเคราะห์ถึงหลักการและเหตุผล เปรียบเทียบกับกฎหมายของต่างประเทศ รวมไปถึงแนวทางการดำเนินการ หากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้เพื่อให้ประชาชน บุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ ในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาที่เกี่ยวข้อง และพนักงานอัยการ เกิดความรู้ความเข้าใจในหลักกฎหมายชะลอฟ้องมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ การชะลอการฟ้องเป็นกฎหมายที่ให้โอกาสแก่ผู้ที่สมควรได้รับโอกาส โดยจะเป็นการให้โอกาสแก่ผู้ที่พลั้งพลาดกระทำผิดกฎหมายที่ไม่ร้ายแรง โดยไม่มีมลทินติดตัว ซึ่งจะกระทบต่อการใช้ชีวิตตามปกติของบุคคลเหล่านั้น และยังเป็นกฎหมายที่เปิดโอกาสแก่ผู้เสียหายเพื่อให้ผู้ต้องหาได้แก้ไข เยียวยาในการกระทำผิดของตนโดยไม่จำเป็นต้องยื่นฟ้องคดี ซึ่งเป็นการเร่งความยุติธรรมให้กับสังคมและผู้เสียหาย รวมทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรม

โดยการชะลอการฟ้องเป็นทางเลือกใหม่ของกระบวนการยุติธรรมกระแสใหม่ ที่คำนึงถึงผู้เสียหายมากขึ้น ซึ่งจะสร้างประโยชน์แก่รัฐในการลดต้นทุนทางคดี คดีที่จะเข้าสู่กระบวนการชะลอฟ้องได้จะต้องเป็นคดีที่มีโทษปรับสถานเดียว คดีที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกินห้าปี หรือคดีที่ได้กระทำโดยประมาท คำสั่งชะลอฟ้องของอัยการมีลักษณะคล้ายกับเหตุที่ศาลจะรอการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา

อย่างไรก็ตาม คำสั่งชะลอฟ้องคำนึงถึงพฤติการณ์แห่งคดี การบรรเทาผลร้ายรวมทั้งความยินยอมของผู้เสียหาย พนักงานอัยการจะกำหนดเงื่อนไขและระยะเวลาคุมประพฤติ ซึ่งเมื่อผู้ต้องหาปฏิบัติตามเงื่อนไขและระยะเวลาครบถ้วนแล้ว พนักงานอัยการก็จะสั่งยุติการดำเนินคดีและสิทธิในการดำเนินคดีอาญาก็เป็นอันระงับ