ทนายนิด้า ชี้โทษทำ "แตงโม" ดับ คุกถึง 10 ปี ปรับ 2 แสน ครอบครัวฟ้องแพ่งได้อีก

     ยังคงต้องติดตามกันอย่างต่อเนื่องสำหรับคดี นักแสดงสาว “แตงโม นิดา” ตกเรือกลางแม่น้ำเจ้าพระยาเสียชีวิต ซึ่งวันนี้ (27 ก.พ.) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ได้เรียกสอบปากคำเพิ่มเติม "กระติก อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์" และ "แซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์"

     หลังจากที่วานนี้ ได้สอบปากคำ "นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์" หรือ "ปอ" และ "นายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์" หรือ "เบิร์ต" พร้อมอายัดตัวไม่ให้ประกัน หลังศาลมีการออกหมายจับทั้งคู่ใน "ข้อหา ฝ่าฝืนใช้เรือ ที่มิได้รับใบอนุญาตใช้เรือ หรือที่ใบอนุญาตใช้เรือสิ้นอายุ หรือผิดไปจากเขตหรือตำบลการเดินเรือที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต,กระทำโดยประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย" 

     ล่าสุด นางสาวศรันยา หวังเจริญสุข หรือ "ทนายนิด้า" โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงเรื่องของคดี โดยระบุว่า

     สมมุติว่าเรื่องของแตงโมคิดแง่ร้ายเกินไปว่ามีใครตั้งใจทำให้แตงโมตาย ก็กลับมาที่เรื่องประมาท 
ต่อให้เป็นเพราะความประมาทของคนบนเรือจนทำให้แตงโมตกเรือถึงแก่ความตาย ยังไงก็ไม่พ้นความรับผิดอยู่ดี ซึ่งก็จะมี โทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และปรับสูงสุด 200,000 บาท ส่วนค่าเสียหายในทางละเมิด ครอบครัวแตงโมยังมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายได้อีกส่วนหนึ่งไม่เกี่ยวกับค่าปรับของศาล

     ส่วนตัวมองว่าผู้เกี่ยวข้องบนเรือกำลังปกปิดความจริงกันอยู่ ข้อเท็จจริงเรื่องไปปัสสาวะแล้วตกเรือก็ดูไม่เมคเซนส์อย่างหนักหน่วง และก่อให้เกิดประเด็นซักค้านอย่างสนุกสนานแน่นอน ซึ่งเชื่อว่าฝ่ายโจทก์จะสามารถทำลายน้ำหนักข้ออ้างประเด็นนี้ของฝ่ายจำเลยได้อย่างไม่ยากว่ามีการฉี่จริงหรือไม่

     ถ้าเป็นเรื่องประมาทจริง ซึ่งอาจจะเกิดจากการขับเรือเร็ว หรือมีใครสักคนที่พิเรนทร์ทำให้แตงโมตกลงไป ไม่ได้หมายความคนทั้งลำเรือจะต้องรับผิดในข้อหาประมาททำให้คนตายนี้ไปด้วย ไม่จำเป็นต้องพูดกันไปในทิศทางเดียวกัน เป็นเสียงเดียวกันตอนให้การหรือเบิกความต่อศาล จากที่จะไม่ฉิบหายอาจจะฉิบหายไปด้วย 
 

     ส่วนตัวเวลาซ้อมพยานขึ้นเบิกความที่ศาล โดยหลักคือจะไม่ให้พยานปรุงแต่งหรือบิดข้อเท็จจริงเลย เพราะถ้ามันดูปลอมสักนิดนึง แม้อีกส่วนนึงจะมีเรื่องจริงปะปนอยู่ แต่อาจทำให้ศาลเห็นว่าปลอมไปทั้งหมดได้ 

     วลีที่ว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย มันอาจไม่ได้มีความหมายว่าไม่บาดเจ็บใด ๆ แต่ก็ดีกว่าเรื่องปลอม การยิ่งไปปรุงแต่งข้อเท็จจริงกันมากมาย ซึ่งคดีนี้มีผู้อยู่ร่วมในเหตุการณ์แม้ไม่มากมาย แต่ก็หลายคนพอที่จะซักความให้มีประเด็นที่จำเลยคิดไม่ถึง แต่ทนายความหรืออัยการมากประสบการณ์จะคิดถึงจนซักให้ทุกอย่างแตกออกจากกัน เพื่อให้ศาลเห็นว่าปลอม แย่ที่สุดจากประมาทอาจจะฟังว่าเป็นเจตนา