svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

สรุปดราม่า ทัวร์ลง “ผบช.ไซเบอร์” หลังโชว์เก๋าฉะ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์”

21 กุมภาพันธ์ 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กระแสตีกลับ “ผบช.ไซเบอร์” หลังโพสต์คลิปโชว์วิธีปะทะ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ด้วยประโยคเด็ด รู้มั้ยผมใคร? อย่ามาล้อเล่นกับผม ไปล้อเล่นกับคนอื่น อย่าทะลึ่ง ! ทำชาวเน็ตแซะเหตุไม่ยอมคุยสืบหาข้อมูลต่อ

กลายเป็นดราม่าเข้าจนได้จากกรณี “พี่แจง” หรือ “พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง” ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ที่ได้ออกได้มาโชว์การจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กำลังระบาดอย่างหนักในขณะนี้ โดย “พล.ต.ท.กรไชย” ได้โพสต์คลิป Kornchai Klayklueng ในเหตุการณ์ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทร.จาก บริษัท ดีเอชแอล (DHL) ขณะที่กำลังออกกำลังกาย จึงให้เทรนเนอร์บันทึกวิดีโอไว้ให้ พร้อมถามแก๊งมิจฉาชีพด้วยน้ำเสียงดุดันว่า เป็นดีเอชแอล จริงหรือไม่ และ รู้มั้ยผมใคร? ก่อนจะบอกว่า ตัวเองเป็นผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ !!

 

“คุณเป็นดีเอชแอล จริงหรือเปล่า เพราะผมเป็นผู้บัญชาการไซเบอร์ ผมจะได้รู้ว่าคุณเป็นดีเอชแอล แล้วคุณรู้ไหมผมเป็นใคร ผมเป็นผู้บัญชาการที่ปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ คุณอย่ามาล้อเล่นกับผม ไปล้อเล่นกับคนอื่น อย่าทะลึ่ง...”

 

นอกจากนั้นยังโพสต์แนะนำประชาชนด้วยว่า “ไม่แปลกที่จะมีไอ้พวกชอบลองดีทำตัวเป็น DHL หรือไปรษณีย์ไทย โทรเข้าเครื่อง เพราะมันจะต้องทำทุกวันทุกเวลาเพราะมันคือมิจฉาชีพ ไม่มีใครถูกหลอกครับหรืออ้างว่าถูกบังคับไปเป็น Call Center สมัครใจเกือบทั้งนั้นเพราะต้องการเงิน แต่อาจจะไม่อยากอยู่ต่ออยากกลับแต่กลับไม่ได้ จึงขอความช่วยเหลือ(อาจจะมีถูกหลอกจริงๆแต่น้อยมากๆ)"    

 

"วันนี้โชคดีพี่แจง ออกกำลังกายอยู่(ที่สำคัญกำลังเหนื่อยเพราะเทนเนอร์กำลังโหดเลยให้ครูอามบันทึกซะเลย555)รอมันมานาน เสียดายไม่มีเวลาไม่งั้นจะทำโง่บอกในบัญชีมีเงินสัก 100 ล้าน จะต้องโอนไปแสดงความบริสุทธิ์ใจซะหน่อย นี่ไงครับวิธีตัดบท ไม่สน ด่ามันไปเลย อ้างอย่ามาหลอก พี่ชายหนู ผม(กู)เป็นตำรวจ และบาาาาาาาาา….อ่านคำเตือนที่ DHL เคยส่งไปหลายครั้งขอส่งอีกครั้งต้องเตือนบ่อยๆครับจะได้ไม่ลืม ไม่ตกเป็นเหยื่อ เพราะเมื่อโอนไม่แล้วโอกาสได้เงินต้องพูดแบบตรงไปตรงมาน้อยมากครับ ดีที่สุดทำอย่างพี่แจง”

 

สรุปดราม่า ทัวร์ลง “ผบช.ไซเบอร์” หลังโชว์เก๋าฉะ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์”

โดยหลังจากคลิปดังกล่าวเผยแพร่ไปแทนที่จะได้รับเสียงชื่นชม “พี่แจง” กลับถูกกระแสตีกลับจากชาวเน็ตเข้าอย่างจัง โดยส่วนใหญ่เข้ามาคอมเมนต์ติติงและไม่เห็นด้วยกับการตอบโต้มิจฉาชีพเช่นนี้โดยระบุว่าการเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจควรที่จะคุยเพื่อสืบหาข้อเพื่อนำไปสู่การจับกุมคนร้าย ไม่ใช่การบอกให้ไปหลอกคนอื่นต่อ

 

-หลังจากวางสาย อยากเห็นท่านขยายผลจับกุมเป็นจริงเป็นจังค่ะ อยากเห็นผลงานที่เป็นที่ประจักษ์ มูลค่าความเสียหายน่าจะมากกว่าสิบล้านแล้ว ประชาชนระวังตัวกันมากแล้วตามคำแนะนำของตำรวจ แต่หน้าที่ของท่านคือการปราบปรามเช่นกัน ท่านทำได้แน่นอนค่ะ ศักยภาพของตำรวจไซเบอร์คงเพียงพอใช่มั้ยคะท่าน

- เมื่อเจอกับตนเองทำไมไม่ล่อลวงจับกุม ทำไมบอกให้ไปล้อเล่นกับคนอื่นหรือหลอกลวงคนอื่นต่อ

-ไปบอกมันให้ไปล้อเล่นกับคนอื่น แทนที่จะบอกมันให้เลิกทำ อิหยังวะ

 

สรุปดราม่า ทัวร์ลง “ผบช.ไซเบอร์” หลังโชว์เก๋าฉะ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์”

 

สรุปดราม่า ทัวร์ลง “ผบช.ไซเบอร์” หลังโชว์เก๋าฉะ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์”

 

 

นอกจากนี้ชาวเน็ตยังยกเอากรณี “สาวแบงค์ตลบหลัง แก๊งคอลเซ็นเตอร์”  ที่เกิดขึ้นในปี 2560 ซึ่งในเหตุการณ์ดังกล่าวสาวแบงค์ได้ใช้วิธีการพูดคุยตะล่อมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่อ้างว่าเธอไปกู้เงินกับธนาคาร ซึ่งเธอได้พยายามพูดคุยกับแก๊งคอลเซนเตอร์ กว่า 1 ชั่วโมง ได้ขอเลขบัญชี และแกล้งทำเป็นร้องไห้ จากนั้นเธอได้นำข้อมูลของแกงค์คอลเซ็นเตอร์ส่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถขยายผลจับกุมยึดเงินได้กว่า 120 ล้านบาท

 

 

เมื่อกระแสตีกลับเช่นนี้ร้อนถึง “พี่แจง” ต้องออกมาชี้แจงผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทย inside Thailand ในวันนี้ (21 ก.พ.65) ว่า ไม่ได้ตกใจอะไร ซึ่งกระแสที่เกิดกับกรณีสาวแบงค์กับกรณีของตนเองมันคนละเรื่องกัน เพราะปัจจุบันคนที่โทรไม่ได้โทรมาจากในประเทศ ส่วนการที่ไม่พูดคุยกับแก๊งมิจฉาชีพนาน ๆ เพราะเรื่องนี้ไม่เหมือนกับในภาพยนต์ แต่ที่ลงเพื่อให้คนในเฟซบุ๊กตนเองได้ดูเพื่อเตือน ตอกย้ำว่าเมื่อมิจฉาชีพโทรมาให้ด่ากลับ อย่าพูดคุยต่อ

 

“ผมไม่ได้บอกว่าผมยิ่งใหญ่ ผมเป็นตำรวจทำไมคุณโง่จังเลย ถ้าเป็นคุณอย่าคุยนาน ซึ่งจริง ๆ มีอีกหนึ่งคลิปที่ให้รองผู้การหลอกถาม ซึ่งหากได้ฟังแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะตกใจเพราะมีความรู้มากในการหลอกล่อ เพราะฉะนั้นถ้ายิ่งได้คุยนานโอกาสที่จะตกเป็นเหยื่อจะยิ่งสูงมาก”

 

ส่วนการขยายผลยืนยันว่าได้ดำเนินการไปแล้ว รู้ว่าแก๊งนี้โทรจากไหน ใช้ ID อะไร ซึ่งได้ทำการบล็อกไปแล้ว โดยได้ประสานงานกับ กสทช. ไม่ให้โทรเข้าประเทศไทยได้เพื่อไม่ให้มิจฉาชีพไปหลอกคนอื่นต่อ

 

สรุปดราม่า ทัวร์ลง “ผบช.ไซเบอร์” หลังโชว์เก๋าฉะ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์”

 

อย่างไรก็ตามเข้าใจความคิดของประชาชนที่มองว่าทำไมไม่คุยยาว ๆเพื่อหลอกถามข้อมูลเหมือนกับกรณีสาวแบงค์ แต่ย้ำว่าการคุยนานจะยิ่งถูกหลอก ตนเองจึงทำเป็นตัวอย่างเพื่อให้ประชาชนได้ดูว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร ทั้งนี้สำหรับข้อมูลแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะโทรผ่านอินเตอร์เน็ต โทรมาจากประเทศเพื่อนบ้านกัมพูชา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการประสานงานกับตำรวจกัมพูชาและยืนยันว่าขยายผลติดตามคดีต่อไปได้แน่นอน

 

ทั้งนี้ “ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ” ได้รวบรวมกลวิธีของบรรดามิจฉาชีพ และมุกยอดฮิตที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้หลอกเหยื่อใช้กัน มีวิธีไหนบ้าง? ทีมข่าวเนชั่นออนไลน์ได้ประมวลมาให้ดังรายละเอียดต่อไปนี้

 

ทวงหนี้นอกระบบ

แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะสุ่มโทร. หาเหยื่อ แล้วอ้างว่า มีคนกู้เงินจำนวนเท่านั้น เท่านี้ (ส่วนใหญ่หลักพัน) โดยให้ชื่อเหยื่อกับเบอร์โทรศัพท์ไว้ หรืออ้างว่าญาติของเหยื่อไปกู้เงินมา แล้วให้ชื่อเหยื่อเป็นคนจ่ายหนี้แทน

 

พัสดุมียาเสพติด

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ตีเนียนโทรหาเหยื่อ อ้างพัสดุที่ส่งไปต่างประเทศมีปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติด จะต้องคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งที่เหยื่อไม่เคยส่งอะไรไปเลย ซึ่งถ้าหากเหยื่อหลงกล ก็จะมีการหลอกให้โอนเงินหลักหมื่น

 

หลอกว่าเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน

แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกว่าเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน  แสดงตัวเองว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง. อ้างว่าเหยื่อเกี่ยวพันกับคดีฟอกเงิน ให้โอนเงินเพื่อมาตรวจสอบ สุดท้ายถูกหลอก สูญเงินไป...

 

หลอกว่าเป็นบริษัทประกัน

แก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์มาอ้างเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง มีการพูดคุยเรื่องรับสินไหม ต่อมาโอนสายให้คุยกับบุคคลที่อ้างว่าเป็นตำรวจ หลอกมีผู้นำบัญชีไปใช้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ต้องอายัดบัญชีแต่ถ้าหากใช้เงิน ต้องโอนเงินกลับไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสุดท้ายถูกหลอก

 

 

logoline