แม้ภาครัฐ พยายามสะกัดกั้นการก่ออาชญากรรม ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทุกวิถีทาง ทั้งความร่วมมือกับประเทศเทศเพื่อนบ้านทลายฐานปฏิบัติการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในกัมพูชา ช่วยคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานได้หลายสิบคน
ส่วนดีเอสไอ สืบสวนและยืดซิมมือถือ ลงทะเบียนในชื่อชาวต่างชาติ และซิมเปล่าต้องสงสัยนับหมื่นซิม แต่ไม่สามารถตัดตอน การก่ออาชญากรรมของแกงค์คอลเซ็นเตอร์ ได้หมดสิ้นไป เพราะคนร้ายจะเปลี่ยนรูปแบบ วิธีการตลอดเวลา ทำให้ยากต่อการติดตาม โดยเหยื่อรายล่าสุด ถูกหลอกให้โอนเงินสูญเงินไปกว่า 2,000,000 บาท
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างกับเหยื่อ ว่าเป็นพนักงาน DHL สาขาเชียงใหม่ บอกว่ามีพัสดุจะส่งไปประเทศจีน ถูกตีกลับแจ้งว่าในกล่องพัสดุมีหนังสือเดินทาง 14 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 10 ใบ ซุกซ่อนไว้ในเสื้อผ้า 8 ชุด
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่อ้างเป็นพนักงาน DHL แนะนำว่าต้องไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ใน สภ.ที่เกิดเหตุ ซึ่งก็คือ สภ.เชียงใหม่ เหยื่อ ไม่สามารถเดินทางไปได้
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่อ้างเป็นพนักงาน DHL บอกเหยื่อว่า จะโอนสายไปที่ สภ.ที่เกิดเหตุ
นี้เป็นพิรุธ ที่เหยื่อไม่เฉลียวใจว่า พนักงาน DHL จะโอนสายให้ ตำรวจ สภ.เชียงใหม่ ได้อย่างไร
หลังจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างว่าโอนสายไปที่สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้มีผู้ชายอ้างว่าเป็นตำรวจมาคุยกับเหยื่อ เพื่อสร้างความเชื่อถือ และบอกว่าขอตรวจสอบก่อน
หลังทิ้งให้เหยื่อรอสายสักพักหนึ่ง ชายที่อ้างเป็นตำรวจบอกเหยื่อว่ามีส่วนพัวพันกับคดีฟอกเงิน
เหยื่อได้ปฏิเสธ ไปว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่คนร้ายพูดโน้มน้าวจนเหยื่อหลงเชื่อ และให้ยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ ต้องมีการโอนเงินให้ตรวจสอบ
ตลอดเวลาการคุยโทรศัพท์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่เปิดโอกาสให้เหยื่อติดต่อกับญาติ คนใกล้ชิด หรือบุคคลที่สาม โดยบอกกับเหยื่อว่าอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับใคร เพราะเป็นความลับ เกรงว่าหากคนรู้เยอะ การดำเนินการก็จะล่าช้า
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้เหยื่อ โอนเงินทั้งในบัญชี และเงินสด และทองคำต้องนำไปจำนำเป็นเงินสดเพื่อโอนไปตรวจสอบกับ ป.ป.ง. หากตรวจสอบแล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจะโอนเงินกลับคืนมาภายในเวลา 2 ชั่วโมง ด้วยความบริสุทธิ์ใจ จึงโอนเงินให้ไป 6 ครั้ง
ช่วงเวลา 14.37 – 15.44 น. ครั้งแรกโอนไป 1,027,000 บาท ครั้งที่ 2 โอนไป 193,000 บาท ครั้งที่ 3 โอนไป 494,000 บาท ครั้งที่ 4 โอนไป 224,001 บาท โดย 4 ครั้งแรก เป็นธนาคารทหารไทยธนชาติ ชื่อบัญชี นางสาวศุภาวรรณ หงษา
ครั้งที่ 5 โอนไป 100,000 บาท ที่ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชีนายณัฐพนธ์ พุดสาดแสง และครั้งที่ 6 โอนไป 50,000 บาท ที่ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี นางสาวพรรัตน์ วงละคร
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,088,001 บาท
ตลอดระยะเวลาที่พูดคุยกัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะไม่เปิดโอกาสให้เหยื่อวางสาย หรือไปคุยกับคนอื่น อ้างว่าเป็นการสืบสวนทางลับ แต่ก็เอะใจอยู่ว่าทำไมโอนไปเป็นชื่อบัญชีบุคคล แต่ตอนนั้นก็คิดว่าตัวเองบริสุทธิ์ใจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมาย ยังไงก็ต้องได้เงินกลับคืนมา
แต่หลังจากที่โอนเงินเสร็จแล้ว อยู่ ๆ สายก็ตัดไป จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้ และถูกบล็อกเบอร์ จึงเชื่อว่าตนถูกหลอกแล้ว
เมื่อตั้งสติได้จึงได้บอกเรื่องนี้กับสามี และเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน โดยเบื้องต้นได้ติดต่อธนาคารเพื่อขออาญัติบัญชีปลายทางแล้ว แต่ต้องรอหนังสือจากทางเจ้าหน้าที่ส่งไปที่ธนาคารเพื่อดำเนินการตามขั้นตอน
สิ่งที่อยากจะบอกกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตอนนี้ก็คือ ขอเงินคืน เพราะเป็นเงินเก็บมาทั้งชีวิต
รายการสืบสวนความจริง ฝากเตือนผู้ที่ยอมเปิดบัญชีแทนคนอื่นหวังเงินเล็กๆ น้อยๆ แต่บัญชีของคุณจะนำไปเป็นช่องทางผ่านเงินของมิจฉาชีพ หากถูกตรวจสอบท่านจะมีความผิดด้วย