svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เปิดที่มาบิ๊กตู่เปรียบตนพระราม ฝ่ายค้านทศกัณฐ์ ส่งสัญญาณพร้อมรบฝ่ายค้าน

17 กุมภาพันธ์ 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เปิดที่มาวรรคทอง "บิ๊กตู่" เปรียบตนเป็น "พระราม" ฝ่ายค้านเป็น "ทศกัณฐ์" กลางสภา ส่งสัญญาญให้รัฐบาลพร้อมเดินหน้ารบกับฝ่ายค้านหลังจบศึกอภิปราย งานนี้ถ้าไม่เดือดก็ยืดเยื้อ!

     กลายเป็น "วรรคทอง" แห่งวัน สำหรับคำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ฉโอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในการชี้แจง ระหว่างการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 วันนี้ (17 ก.พ.) ที่เปรียบเทียบการเมืองไทยเป็นวรรณคดีเรื่อง "รามเกียรติ์" ที่มีตนเองเป็น "พระราม" ส่วนฝ่ายค้านเป็น "ทศกัณฐ์" พร้อมแนะให้ไปดู "จุดจบ" ของ "ทศกัณฐ์"

 

     วรรคทองของ พล.อ.ประยุทธ์ ในครั้งนี้ มีขึ้นหลัง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน แถลงเปิดญัตติ กล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ ว่า เป็น "ตัวปัญหา" ทำประเทศ “แพง จน พัง” ทั้งแผ่นดิน พร้อมแนะให้ ยุบสภา – ลาออก หยุดทรมานประชาชน

 

     หลังจบคำแถลงเปิดญัตติดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ ลุกขึ้นชี้แจงทันควัน โดยระบุ ตนพร้อมรับฟังด้วยเหตุด้วยผล อะไรที่เป็นประโยชน์ และนำไปแก้ไขได้ก็พร้อมรับไปดำเนินการ แต่ขณะนี้เกิดหลายสถานการณ์พร้อมกัน ซึ่งรัฐบาลพยายามดำเนินการมาตลอด และตนไม่ได้ทำคนเดียว ต้องทำงานร่วมกับคณะทำงานต่าง ๆ ทั้งรัฐมนตรี และข้าราชการทั้งประเทศจำนวนหลายแสนคน ที่ได้ช่วยการทำงานในช่วงที่ผ่านมา
 

 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม

     การเปรียบตนเป็น "พระราม" และให้ฝ่ายค้านเป็น "ทศกัณฐ์" ในครั้งนี้ หากฟังคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็น่าจะมาจากการพูดคุยกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ นพ.ชลน่าน ที่ระบุว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาในสภา ควรวางบทบาทให้เหมือนรามเกียรติ์ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะรับบทอื่นนอกจากตัวเอกอย่าง "พระลักษณ์ - พระราม" และถีบบท "ทศกัณฐ์" ที่เป็นตัวร้ายให้กับฝ่ายค้าน 

 

     การเข้ามาเป็นนักการเมืองอย่างเต็มตัว ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ เรียนรู้ที่จะตอบโต้ด้วย "โวหาร" มากขึ้น แทนที่จะใช้อารมณ์ และ "ฟิวส์ขาด" หลังถูกยั่วยุจากฝั่งตรงข้าม จนทำมาสู่การตอบโต้อย่างเชือดนิ่มว่า ประเทศชาติไม่ใช่แบบรามเกียรติ์ สุดรามเกียรติ์ทศกัณฐ์ตอนท้ายเป็นอย่างไรก็รู้อยู่ ตนไม่อยากไปกล่าวอะไรให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน และพยายามระวังตัวที่สุด

 

     ขอให้เอาข้อมูล ข้อเท็จจริง และเข้าใจซึ่งกันและกัน ที่ตนพูดมานั้นไม่ได้มีอารมณ์ และโมโหทั้งสิ้น แต่รีบพูดเพราะเรื่องมันเยอะ หากมีเรื่องอะไรที่จะต้องแก้ไข ผมก็จะนำกลับไปแก้ไข ขอบคุณฝ่ายค้าน ฉะนั้นต่างคนต่างเล่นคนละบทบาท ท่านให้ผมเป็นพระลักษณ์ พระรามแล้วท่านเป็นทศกัณฑ์ ดูหนังดูละคร ก็ขอให้ย้อนดูตัวคนเล่นละครด้วย ผมก็ถูกท่านดูอยู่ ดังนั้นทุกคนต้องดูตัวละครตัวอื่นด้วย มันถึงจะสำเร็จ ประเทศไทยใหญ่กว่ารามเกียรติ์เยอะ

 

     และยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ย้ำกับสื่อมวลชนว่า การอภิปรายครั้งนี้ ตนยินดีรับฟังข้อมูลจากฝ่ายค้าน แต่ก็ยังคงย้ำว่า "อย่าให้พระรามแผลงศรบ่อยแล้วกัน" 
 

 

พล.อ.ประยุทธ์ - นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว

    คำพูดเหล่านี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ แม้ดูเหมือนเป็นเพียงโวหารทางการเมือง แต่ก็เป็นการส่งสัญญาณว่า ในการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ ตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล ไม่ใช่ "หมูในอวย" หรือ "เป้านิ่ง" ให้ฝ่ายค้านกล่าวหาตีกินได้อย่างง่าย ๆ 

 

     และหากการเปรียบจะเปรียบสถานการณ์การเมืองไทยขณะนี้้เป็นรามเกียรติ์ ตัวละครหลัก ๆ ก็คงหนีไม่พ้นที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น "พระราม" นพ.ชลน่าน เป็น "ทศกัณฑ์" นายอนุทิน ชาญวีรูล เป็น "นางสีดา"  ส่วนนายวิษณุ เครืองาม เป็น "พิเภก" ที่หลังจากนี้ จะต้องโรมรัมพันตูกันหนักขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการช่วงชิงตัว "นางสีดา" และบทบาทของ "พิเภก" ว่าจะช่วย "พระราม" อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ได้อย่างไร รวมตัวประกอบที่สำคัญอย่าง "หนุมาน" ที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ขันอาสารับบทดังกล่าว 

 

     ส่วนจะจบดังเช่นในวรรณคดีหรือไม่ ปั่นป่วน พลิกแพลง หักมุม อย่างไร คอการเมืองคงต้องติดตามกันต่อไปชนิดห้ามกระพริบตา แต่บอกเลยงานนี้ถ้าไม่ "เดือด" ก็ "ยืดเยื้อ"!  

 

 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ

logoline