วิกฤตบัตรคนจน วาทะกรรมทิ่มแทงรัฐบาลประยุทธ์

ประชากรประเทศไทยตอนนี้ 66 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นคนจนเกินครึ่ง วิกฤติคนจนกลายเป็นวิกฤติของรัฐบาล

จำนวนประชากรที่เป็นผู้ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในรอบนี้

• จาก 2559-2561 : จำนวน 11.61 ล้านคน
• ม.ค. 2565 : จำนวน 13.45 ล้านคน

**ครม. จะเพิ่มให้เป็น 20 ล้านคน

1 ต.ค. 2565 จะเปลี่ยนจากบัตรคนจนเป็นบัตรประชาชนแทน

**เงื่อนไข รายได้ ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี ประมาณ 8,300 ต่อเดือน

บัตรคนจน 13.45 ล้านคน ณ สิ้นปี 2564 เทียบกับ คนจน 20 ล้านคน ที่ ครม.เพิ่งเคาะออกมา แสดงว่าหนึ่งปีที่ผ่านมามีคนจนเพิ่มขึ้นถึง 6.55 ล้านคน หรือ 48.69%

 

วาทะกรรมว่าด้วยเรื่องของบัตรคนจนจึงกลายเป็นวาทะกรรมที่ทิ่มแทงใส่รัฐบาล ยิ่งอยู่คนยิ่งจน ความพยายามของรัฐบาลในการดูแลผ่านบัตรคนจน คือการเข้าไปเยียวยาคนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด

 

 

อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บอกว่า ปีงบประมาณ 2566 ได้ตั้งงบประมาณสำหรับสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย 60,000 ล้านบาท รองรับการใช้จ่ายของผู้ได้สิทธิรอบใหม่ ซึ่งคาดว่า จะมีผู้รับบัตร (คนจน) รอบใหม่ 17 ล้านคน แต่เปิดกรอบไว้ 20 ล้านคน จากปัจจุบัน 13.45 ล้านคน ช่วงสองปีที่ผ่านมาโควิด-19 ทำให้คนตกงานเยอะมากและไม่มีรายได้ และมีการออกไปประกอบอาชีพอิสระมากขึ้น เราจึงตั้งเป้าหมายคนจนเพิ่มขึ้น และมีมาตรการเข้มงวดขึ้น เพื่อให้สวัสดิการรัฐไปถึงคนที่มีรายได้น้อยจริงๆ

วิกฤตของคนจนคือปัญหาใหญ่ของรัฐบาล มาดูสถานการณ์ความยากจนของคนไทย

 

 

นี่คือตัวเลขของสำนักงานสถิติแห่งชาติ สัดส่วนคนจนตั้งแต่ปี 2531-2563

การบริโภคเฉลี่ยของครัวเรือนที่มีสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ ระดับต่างๆ

หนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้น

หนี้สินภาคครัวเรือน เพิ่มขึ้น 6.71 หมื่นล้านบาทใน 30/2564 ทำให้ยอดคงค้างหนี้ ขยับขึ้นมาที่ 14.35 ล้านล้านบาท

 

สถานะของคนไทยตอนนี้รายได้ลด ต้องพึ่งพาบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจน วิกฤตของคนจนกำลังกายเป็นวิกฤติของรัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลชุดนี้หรือรัฐบาลชุดหน้า

 

คนจนกำลังกายเป็นบริบทใหม่ในเรื่องของทางการเมือง ตอนนี้สภาวะที่เกิดขึ้นจากภาวะวิกฤตโควิดและการว่างงานของผู้คน กำลังทำให้พรรคการเมืองทุกพรรคพุ่งเป้าหมายไปที่เดียวกัน นั่นคือการยิงหัวใจใส่นโยบายให้คนจน ยิ่งใกล้ช่วงการเลือกตั้งคนจนจะมีความสำคัญ เพราะคนส่วนใหญ่ในประเทศเป็นคนจน

 

นายกรัฐมนตรีประกาศชัดเจนโพสต์เฟซบุ๊กไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ตั้งทีมแก้คนจน คนจนกับคนรวยจะเท่าเทียมกันวันเดียวคือวันเลือกตั้ง เพราะทุกคนมีสิทธิ์เสียงเท่ากัน เพราะฉะนั้นนโยบายการจี้ใจดำเข้าไปที่คนจนกำลังจะ click off

 

จำนวนประชากร

66,171,439 คน เฉลี่ย ส.ส. 1 คน ต่อประชากร 165,428.5975 คน

นิวโหวตเตอร์ (ปี 2565 อายุ 18 ปี) จำนวน 811,100 คน หากเลือกตั้งปี 2566 นิวโหวตเตอร์ (ปี 2566 อายุ 18 ปี) จำนวน 801,802 คน หากเทียบกับปี 2562 (ปัจจุบันอายุ 20 ปี) จำนวน 793,522 คน ดังนั้น นิวโหวตเตอร์ในปี 2565 จะมีจำนวนมากกว่า 17,578 คน

เดิมทีมี 11. 61 ล้านคน ขยับเป็น 13.45 ล้านคน ขยายฐานการให้บัตรถึง 20 ล้านคน เพราะเป็นกลุ่มเป้าหมายและตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม จะไม่มีคำว่าบัตรคนจน เพราะจะอยู่ในบัตรประชาชน เพียงแค่ถือบัตรประชาชนใบเดียวสามารถทำธุรกรรมของคนจนได้

 

ประชากรไทยทั้งประเทศ 66 ล้านคน ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 52 ล้านคน ซึ่งเป็นคนจนอยู่ 20 ล้านคน

 

 

 

 

 

นายกรัฐมนตรีประชุมคณะทำงานชุดใหญ่เรื่องการแก้ปัญหาความจน และการดำเนินนโยบายพอเพียงในการดำเนินชีวิต กำหนดแนวทางไว้ 5 มิติ ในการเข้าไปแก้ปัญหา

แนวทางแก้ปัญหายากจน 5 มิติ

1. มิติสุขภาพ : ดูแลตั้งแต่อยู่ในครรภ์ อาหารการกิน การใช้ยา การออกกำลังกาย

2. มิติความเป็นอยู่ : ที่อยู่อาศัยที่มั่นคง มีที่ดินทำกิน มีน้ำดื่มน้ำใช้ สุขภาวะในชุมชน

3. มิติการศึกษา : จัดศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน การศึกษานอกระบบ การศึกษาทางเลือก อินเตอร์เน็ตหมู่บ้าน

4. มิติรายได้ : ยกระดับรายได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 38,000 บาท/คน/ปี ฝึกอาชีพ ฝีมือแรงงาน เข้าถึงแหล่งเงินทุน ขจัดปัญหาหนี้นอกระบบ ส่งเสริมตลาดออนไลน์

5. มิติการเข้าถึงบริการภาครัฐ : กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียงต้องไม่ตกหล่น และเข้าถึงระบบสวัสดิการแห่งรัฐ

ต่อไปจะมีทีมไปแก้ปัญหาความยากจนแบบรายบุคคล เป็นนโยบายของรัฐบาลหลังจากนี้ไป ซึ่งไม่ทราบว่าจะเป็นนโยบายของพรรคไหน

 

นโยบายแก้จนของแต่ละพรรค

พรรคกล้า

 

1. ออกมาตรการแก้ปัญหาหนี้สิน

2. เพิ่มรายได้เกษตรกร อาทิ เสริมทักษะ ช่วยหาช่องทางตลาด

พรรคก้าวไกล

 

1.เพิ่มสิทธิลาคลอดเป็น 180 วัน

2.เพิ่มเงินเลี้ยงดูบุตร 0-6 ขวบเป็น 1,200 บาท

3.เรียนฟรีและมีคุณภาพ

4.ให้เงินอุดหนุนเยาวชนอายุ 18-22 ปี

จำนวน 2,000 บาท เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน

5.เพิ่มเงินยังชีพ คนชราเป็น 3 เท่า คือ 1,800 บาท/เดือน

6.ขยายสิทธิประกันสังคมครอบคลุม แรงงานนอกระบบ เพิ่มงบประกันสุขภาพเป็น 4,000 บาท/ปี

พรรคประชาธิปัตย์

 

1.เงินอุดหนุนแบบถ้วนหน้า เด็ก 0-8 ขวบ 1,000 บาท/เดือน

2.เบี้ยผู้สูงอายุทุกคน เดือนละ 1,000 บาท

3.ประกันรายได้แรงงาน 1.2 แสนบาท/ปี

4.ประกันรายได้เกษตรกร

5.เบี้ยผู้ยากไร้ขั้นต่ำ 800 บาท/เดือน

สร้างอนาคตไทย : คนจนแก้ได้ 2 ขา

จัดการหนี้

 

• ปลดล็อค ออมสิน
• ธกส. ออกจากระบบ
• กองทุนแก้หนี้

สร้างรายได้

 

• โปรดักส์
• ตลาด
• ทุน

ไทยสร้างไทย : คนจนเกิดจนแก่

นโยบายดูแลประชาชนตั้งแต่ "เกิดจนแก่" ให้ประชาชนมี "ชีวิตที่มีคุณภาพอย่างมีศักดิ์ศรี" เพื่อให้ "ประชาชนเป็นศูนย์กลาง"

1. ดูแลคุณภาพชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ

2. ดูแลด้านการศึกษาให้ได้รับการศึกษาที่สูงที่สุด อย่างน้อยต้องจบปริญญาตรีฟรี

3. สร้างงานสร้างอาชีพ พักใช้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคทำมาหากิน ประมาณ 1,300 กว่าฉบับ

3 ปี ทำ "Legal Sandbox" ให้ประชาชนทำมาหากินโดยไม่ต้องรอการอนุมัติ ปรับปรุงการเข้าระบบราชการ สร้างการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการชุมชน ผ่อนปรนการเข้าถึงแหล่งทุน

4.วัยเกษียณ ต้องได้รับการดูแลจากภาครัฐ ผ่านนโยบายบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท

พรรคเพื่อไทย ออกแคมเปญ "ยิ่งอยู่ยิ่งเจ๊ง ยิ่งแจกยิ่งจน"

คนจนกำลังยิ่งใหญ่ เพราะการเมืองไทยต่างใฝ่ฝันจะได้ใจคนจน

ที่มา เนชั่นอินไซต์ โอ-บากบั่น บุญเลิศ , วี-วีระศักดิ์ พงศ์อักษร