ฮือฮา! ป้าย"สำนักนายกฯ"โผล่หราหน้าอาคารพาณิชย์

11 กุมภาพันธ์ 2565 จากกรณีที่ทีมข่าว"เนชั่นทีวี"ได้รับแจ้งจากประชาชนซึ่งอาศัยอยู่ใน เขตหนองแขม กทม. ว่าช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สังเกตเห็นอาคารพาณิชย์ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามโรงเรียนแห่งหนึ่ง แถวถนนเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งเหนือ แขวงและเขตหนองแขม กทม. มีการติดป้ายข้อความว่า "ศูนย์อำนวยการยุทธศาสตร์ภาคกลางร่วมกับกอ.รมน." พร้อมตราสัญลักษณ์สำนักนายกรัฐมนตรี และ กอ.รมน. ประกอบในป้าย และภายในลานจอดรถบริเวณอาคาร ยังพบป้ายมีข้อความระบุว่า "สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการแห่งชาติศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ" เเละมีตราสัญลักษณ์สำนักนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วยป้าย

หลังจากได้รับเรื่อง ทีมข่าว "เนชั่นทีวี"ได้ลงพื้นที่สำรวจตามได้รับแจ้ง พบว่าอาคารแห่งนี้ตั้งอยู่เลขที่  35/529 - 531 ถนนเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งเหนือ แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพฯ ซึ่งอาคารดังกล่าว เมื่อปี 2563 เคยถูกตำรวจ สน.หนองแขม เข้าตรวจสอบ เนื่องจากเป็นสถานที่รับแจ้งว่า มีการกักตุนหน้ากากอนามัย โดยมี นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์ พรรคภราดรภาพ ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา

ทั้งนี้ ทีมข่าว "เนชั่นทีวี" ยังได้เดินสำรวจรอบอาคารพบว่า ด้านหน้าประตูรั้วตึกดังกล่าว ได้ติดป้ายระบุ "ศูนย์อำนวยการยุทธศาสตร์ภาคกลาง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน" และ "สถาบันพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทย-จีน" ซึ่งพบว่าปิดสนิท และมีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ 2 จุด

ขณะเดียวกัน จากการสังเกตุภายในคล้ายอยู่ระหว่างการปรับปรุง มีการวางบันไดอลูมิเนียมสำหรับซ่อมแซมอยู่ พร้อมถังน้ำสีเหลือง วางอยู่หน้าประตูกระจก แต่ไม่มีผู้พักอาศัยอยู่ภายในแต่อย่างใด รวมถึงไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณด้านหน้าด้วย

ซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านละแวกดังกล่าว ระบุว่า ตึกนี้เคยถูกตำรวจเข้าตรวจค้นเรื่องกักตุนหน้ากากอนามัย และมีปัญหาตามมาอยู่บ่อยครั้ง ส่วนเจ้าของตึกแห่งนี้ได้หายตัวไปหลังเกิดเหตุ ขณะที่ป้ายใหม่ที่ด้านหน้านั้น ไม่รู้ว่ามาติดตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ผ่านมามักจะมีตำรวจ ทหาร เข้ามาอยู่บ่อยครั้ง แต่ที่สังเกตได้ชัดที่สุด คือ รถกระบะ และรถบรรทุกหกล้อ มักจะเข้ามารับ-ส่งของ ในลักษณะเป็นกล่องลังเสมอ      

"คิดว่าน่าจะมีคนพักอาศัยอยู่ด้านในบ้างในบางครั้ง เพราะเวลามีคนมากดกริ่งที่หน้าประตูบางครั้ง ก็เห็นคนออกมาเปิดรับ บางครั้งก็ไม่เปิดรับ ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะเป็นการตรวจสอบผ่านกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ด้านหน้า ในการตรวจสอบบุคคลที่มาหน้าตึกก็มีความเป็นไปได้"

ชาวบ้านรายเดิม ระบุด้วยว่า อาคารแห่งนี้ก่อนหน้า เคยเห็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า และการประปา มาตัดน้ำ-ตัดไฟ ที่ค้างจ่ายมากว่า 1 ปี ก็ไม่สามารถเข้าไปด้านในได้ ต้องปีนเข้าจากบ้านที่อยู่ติดกัน โดยคาดว่าน่าจะมีการลักลอบใช้น้ำ-ไฟ ซึ่งก็ไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่าไร

"เท่าที่สังเกตุ รถเข้าออกของตึกแห่งนี้ มักจะเป็นรถสำหรับส่งของทั่วไป หรือรถบริษัทรับส่งของ ไม่ใช่รถที่มีตราสัญลักษณ์ราชการ โดยส่วนใหญ่จะเข้า-ออกในช่วงเย็น และคิดว่ายังมีคนพักอาศัยภาย ในเพราะบางวันจะเห็นคนเดินเข้าออก ส่วนเรื่องการติดป้ายเกี่ยวข้องกับความมั่นคง หรือ ขนส่งสินค้าอะไรนั้น ไม่รู้เรื่องเลย"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่น่าสังเกต คือ กรณีที่มีการติดป้าย "สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการแห่งชาติศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ" ซึ่งจากการตรวจสอบเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่11 ก.พ. 2564  แจ้งไว้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอบกระทู้ถามเรื่องนี้ ที่มี พล.ร.อ.พัลลภ ตมิศานนท์ สมาชิกวุฒิสภา สอบถาม เรื่อง สถานภาพของคณะกรรมการแห่งชาติศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระเพื่อแก้ปัญหา วิกฤติเศรษฐกิจและสังคม 

โดยใจความที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบกระทู้นี้ ระบุว่า กระทรวง กรม ยังมิได้แจ้งยืนยันการขอคงไว้มายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2548 เรื่อง คณะกรรมการต่าง ๆ ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งนั้น ให้ขยายเวลาให้คงปฏิบัติหน้าที่ออกไปจนถึงวันที่ 17 พ.ค. 2548 และให้กระทรวง กรม เร่งรัดการแจ้งยืนยันการขอคงไว้ของคณะกรรมการดังกล่าวไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ภายในวันที่ 17 พ.ค. 2548

ทั้งนี้ หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าคณะกรรมการที่กระทรวง กรม ไม่ได้แจ้งยืนยันสิ้นสุดลง ซึ่งคณะกรรมการแห่งชาติศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจและสังคม ได้รับการบรรจุอยู่ในบัญชีรายชื่อคณะกรรมการที่ยกเลิกของกระทรวงคมนาคมด้วยแล้ว จึงถือว่าคณะกรรมการแห่งชาติฯ ได้สิ้นสุดสถานภาพลงแล้ว

สำหรับอาคารและเจ้าของอาคารดังกล่าวที่ใช้ป้ายข้อความและสัญลักษณ์สำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง สถานภาพของคณะกรรมการแห่งชาติศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระเพื่อแก้ปัญหา วิกฤติเศรษฐกิจและสังคม อาจถือได้ว่าเป็นการทำปลอม หรือเลียนแบบ เครื่องหมายราชการ เป็นความผิดตามพ.ร.บ.เครื่องหมายราชการ พ.ศ. 2482 ที่กำหนดห้ามมิให้ผู้ใดปลอม หรือเลียนแบบเครื่องหมายราชการ ไม่ว่าจะทำเป็นสีใด หรือทำด้วยวิธีใดๆ หรือทำให้ปรากฏที่วัตถุหรือสินค้าใดๆ ก็ตาม โดยผู้ฝ่าฝืนมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 2,000 บาท