รมว.ทส. ประสานตำรวจสืบสวนข้อเท็จจริงเหตุน้ำมันรั่วรอบ2

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยถึงแนวทางการแก้ปัญหาน้ำมันรั่วไหลกลางทะเลจังหวัดระยอง ว่า เท่าที่ดูภาพถ่ายมุมสูงพบว่าน้ำมันกระจายตัวออก จึงนำบูมไปล้อมไว้ ก่อนใช้สารดิสเพอร์แซนท์ (Dispersant) เข้าไปขจัดคราบ โดยการรั่วของน้ำมันรอบนี้มีปริมาณน้อยกว่ารอบแรก ถึงจะควบคุมยากกว่าแต่ก็บริหารจัดการได้ง่ายกว่า ล่าสุดอยู่ระหว่างหารือเรื่องขอเพิ่มสารดิสเพอร์แซนท์ (Dispersant) ว่าจะขออนุมัติออกมาเพื่อใช้ทำให้น้ำมันแตกตัวลงได้เพิ่มอีกหรือไม่

ส่วนปริมาณน้ำมันที่รั่วไหล ตอนนี้ยังตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่ได้ว่าเป็นจำนวน 5,000 ลิตร ตามที่บริษัท SPRC ให้ข้อมูลมาหรือไม่ เนื่องจากต้องให้ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงเข้ามาช่วยคำนวนตั้งแต่จุดรอยรั่ว แรงดันในท่อ เพื่อคาดคะเนความแม่นยำของปริมาณน้ำมัน ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังไม่ปักใจเชื่อตามข้อมูลที่บริษัทให้มา และยอมรับว่ายังมีข้อกังขาอีกหลายประเด็น เช่น เมื่อวันที่ 25 มกราคม (2565) กรมเจ้าท่ามีหนังสือคำสั่งให้บริษัท SPRC หยุดดำเนินการใช้ท่อไปแล้ว แต่เหตุใดจึงยังดำเนินการอยู่จนเกิดเหตุซ้ำขึ้นมาอีก โดยได้ประสานกับตำรวจเพื่อขอให้สืบสวนหาข้อเท็จจริงว่าบริษัทฝ่าฝืน ขาดความเอาใจใส่ ประมาทเลินเล่อหรือไม่

การดำเนินคดีเอาผิดกับบริษัท SPRC จะมีการ แบ่งออกเป็นหลายส่วนหลายหน่วย ที่ต้องมาฟ้องร้อง โดยในส่วนของกระทรวงทรัพฯ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง แจ้งดำเนินคดีเพิ่มอีกเป็นครั้งที่สอง เอาผิดอย่างถึงที่สุดทั่งแพ่งและอาญา ยังไม่รวมถึงในส่วนของกรมควบคุมมลพิษ ที่จะต้องไปดูรายละเอียดความเสียหายที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมระยะยาวว่ามากน้อยแค่ไหน อาจใช้เวลาเป็นปีจึงจะประเมินได้

นอกจากนี้ยังมีประเด็นความเดือดร้อนของชาวบ้าน ธุรกิจท่องเที่ยว รายได้ชาวประมงที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำชับให้หน่วยงานไปเร่งรัดบริษัทให้รับผิดชอบทั้งหมด โดยเชื่อว่าในส่วนนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และกระทรวงมหาดไทย จะเป็นผู้ดำเนินการเอาผิดกับบริษัท SPRC ต่อไป