9 กุมภาพันธ์ 2565 จากกรณีกลุ่ม "ทางกระต่าย" ได้เปลี่ยนชื่อมาจาก "รามาธิบดี' 42 " เพื่อนร่วมรุ่น "หมอกระต่าย" หรือ พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล จักษุแพทย์ ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เสียชีวิตระหว่างข้ามทางม้าลาย เตรียมยื่นหนังสือข้อเรียกร้อง 5 ประการ ต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร และพรรคการเมือง ณ อาคารัฐสภา ในวันที่ 10 ก.พ. ที่จะถึงนี้
โดย นพ.สิวดล พินิตความดี ศัลยแพทย์กระดูก เพื่อนร่วมรุ่น "หมอกระต่าย" เผยถึงการเปลี่ยนแปลงชื่อกลุ่มครั้งนี้ คือการนำชื่อเล่นของเพื่อน ที่เสียชีวิตจากการข้ามทางม้าลาย มาเป็นสัญลักษณ์สะท้อนถึงเป้าหมายในการทำงาน จากเพื่อนในกลุ่มที่มีเป้าหมายเดียวกัน คือ ต้องการลดความสูญเสียระหว่างการข้ามทางม้าลาย ซึ่งทุกคนได้ขออนุญาตกับทางครอบครัวของแล้ว จึงเป็นที่มาของชื่อกลุ่มว่า "Rabbit Crossing" หรือ "ทางกระต่าย"
อย่างไรก็ตาม กลุ่ม "Rabbit Crossing" ถือเป็นการรวมตัวอย่างเป็นทางการของเพื่อนหมอกระต่าย ที่ตอนนี้มีอยู่ประมาณ 20-30 คน ร่วมกันทำงานในภารกิจนี้ พร้อมเปิดช่องทางสื่อสารกับบุคคลภายนอก บนเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ ไลน์ โดยใช้ชื่อ "Rabbit Crossing"
ทั้งนี้ กลุ่ม "Rabbit Crossing" ได้มีการแบ่งงานออกเป็น 3 เรื่องใหญ่ๆ ที่จะเดินหน้าสู่การบรรลุเป้าหมาย เรื่องแรก คือ การแก้ไขกฎหมาย หรือการผลักดันให้มีการแยกมาตรา ในการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับทางข้ามในพระราชบัญญัติจราจรทางบก โดยเบื้องต้นได้เชิญ ผศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งมีความรู้ทางด้านกฎหมาย และพอจะร่างตัวอักษรให้เป็นภาษากฎหมาย เป็นฉบับนำร่อง ซึ่งถือเป็นเฟสแรก จากนั้น จึงจะประกาศเปิดรับ Out Source ผ่านช่องทางต่างๆ ให้สังคมได้มีส่วนร่วมกับเรา
นพ.สิวดล กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังเป็นเพียงการฟอร์มทีมที่พอจะเป็นรูปเป็นร่างเท่านั้น ยังไม่มีการขับเคลื่อนใดๆ ซึ่งขอดูท่าทีของกมธ.กฎหมายฯ หลังจากที่ทางกลุ่มจะยื่นข้อเรียกร้อง ในวันที่ 10 ก.พ.นี้ ก่อนว่า จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด จาก 3 แนวทางในการผลักดันกฎหมาย ตามระบบรัฐสภา คือ มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 20 คน และ การร่วมลงชื่อสนับสนุนจากประชาชน
"เรามองเอาไว้คร่าวๆ หากเป็นไปได้ จากฉบับร่างที่นำเสนอ เราอาจขอความช่วยเหลือจากสำนักงานเลขาธิการ รัฐสภา โดยจะประสานผ่านประธานสภาฯ เพื่อขอใช้บริการในการเขียนกฎหมาย แยกมาตราดังกล่าวออกมา" นพ.สิวดุล ระบุ
ส่วนอีกสองเรื่อง คือ การปลูกจิตสำนึก ซึ่งจะเป็นการสร้างวินัยการขับรถบนท้องถนน ให้ผู้ขับขี่ตระหนักถึงความปลอดภัยที่ควรเกิดขึ้นบนทางม้าลาย และการปรับปรุงด้านกายภาพ ที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วนย่อยๆ คือ ในเขตกรุงเทพฯ จะร่วมทำงานกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ เช่น กรมการขนส่งทางบก และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. ในการประสานงานในการดูแลทางข้าม ว่าจุดไหนเป็นความรับผิดชอบของใคร เพื่อปรับปรุง ทาสี ทางข้ามให้มีความเป็นสากลมากกว่านี้