นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยถึงความเชื่อโดยนำผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตไปฝังทรายแล้วอาการดีขึ้นว่า ในทางการแพทย์ไม่พบการเปลี่ยนแปลงหรือพบว่ามีผลต่อการไหลเวียนโลหิตจากการฝังตัวในทราย และอาจเสี่ยงเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย โดยเฉพาะในผู้ป่วยกลุ่มเปราะบาง ผู้ป่วยสูงอายุ ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ การให้การรักษาทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย และสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด
นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผอ.สถาบันประสาทวิทยา เปิดเผยว่า ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มีอาการอัมพฤกษ์อัมพาตหลงเหลืออยู่ ไม่ควรฝังตัวในทราย เพราะอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย ซึ่งการฝังทรายไม่มีผลต่อระบบการไหลเวียนของร่างกาย เว้นแต่การฝังตัวในทรายที่มีอุณหภูมิอุ่นเหมาะสม คล้ายการอบไอน้ำหรือการแช่น้ำอุ่น ซึ่งจะทำให้หลอดเลือดขยายตัวและทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น แต่หากอุณหภูมิสูงเกินไปอาจทำให้หลอดเลือดขยายตัวมากเกินไปจนทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำหรือช็อกได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว
การฝังตัวในทรายอาจจะได้ประโยชน์ตามที่กล่าวอ้างนั้น ต้องมีความอุ่นเหมาะสม และต้องระมัดระวังไม่ฝังคลุมบริเวณหน้าอก เพราะอาจทำให้ขัดขวางการหายใจ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวมากๆ การฟื้นฟูร่างกายที่จะได้ผลดีและปลอดภัยควรอยู่ภายใต้การดูแลโดยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด หรือบุคลากรผู้มีความเชี่ยวชาญในการบำบัดฟื้นฟู เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนและลดความบกพร่องของระบบประสาทที่มีอยู่